ปัจจุบันนี้ ความอยากได้อยากมีของคนเรามันเยอะขึ้น ช่างสอดคล้องกับการใช้จ่ายของเราเสียจริง เพราะเดี๋ยวนี้เวลาคุณอยากได้อะไร คุณก็แค่รูดปรื๊ดๆ พร้อมกับเซ็นกริ๊กเดียวเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะอยากได้บ้าน รถ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่า คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วย เงินจากอนาคต
แน่นอนว่า มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรหรอก ตราบใดที่คุณยังสามารถรับผิดชอบภาระหนี้สินที่ตามมาได้ แต่ถ้าคุณช้อปเพลิน จนลืมเช็คสุขภาพทางการเงินของตัวเองล่ะก็ คุณก็จะมี หนี้สิน ที่คอยกัดกินชีวิตคุณอยู่ยังไงล่ะคะ
วันนี้ rabbit finance จึงจะพาคุณมาตรวจเช็คสถานการณ์หนี้ของตัวเอง ว่าคุณมีแนวโน้มจะเป็นหนี้ท่วมหัวมากน้อยแค่ไหน
5 สัญญาณเตือน หนี้สิ้น ของคนเป็นหนี้
ลองมาเช็คกันดูหน่อยว่า เพื่อนๆ มีแนวโน้มจะเป็นหนี้ท่วมหัวกันหรือไม่ และถ้าเช็คแล้วพบว่าคุณมีพฤติกรรมมากกว่า 3 ใน 5 ข้อดังที่ได้กล่าวมา คุณก็เตรียมตัวไปใช้บริการ “คลินิกแก้หนี้” ได้เลยค่ะ
-
เงินผ่อนชำระหนี้ เกินกว่า 40% ของรายได้
ผู้ที่เข้าข่ายในข้อนี้ มักไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังมีหนี้ท่วมหัวอยู่ เพราะการนำเงินเดือนเกินกว่า 40% ของรายได้มาโปะหนี้ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้นำเงินนั้นไปต่อยอดให้เงินมันงอกเงยอะไรเลย และกว่าคุณจะรู้ตัวสถานะทางการเงินก็ติดลบเสียแล้ว และอย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นหนี้ ดังนั้น เราจึงนำวิธีคำนวณ เพื่อหาค่าความเป็นหนี้มาฝากกันค่ะ
วิธีคำนวณ เพื่อหาค่าความเป็นหนี้
อันดับแรก ให้เอารายจ่ายจากหนี้ทั้งหมดของคุณในแต่ละเดือน ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อ หนี้ผ่อนของ ฯลฯ มารวมกัน แล้วหารด้วยเงินเดือนหรือรายได้ แล้วคูณด้วย 100 หากผลลัพธ์สุดท้ายได้ตัวเลขเกินกว่า 40% ก็แสดงว่าชีวิตคุณมีหนี้เกาะหลังอยู่แล้วล่ะค่ะ
เช่น คุณมีเงินเดือน 40,000 บาท ส่งให้ที่บ้านเดือนละ 12,000บาท ส่งรถเดือนละ 8,000 บาท จ่ายสินเชื่อส่วนบุคคลที่กู้มาเรียนต่อปริญญาโทเดือนละ 4,000 บาท รวมมีรายจ่ายต่อเดือนจากหนี้ 24,000 บาท หรือคิดเป็น 60% อันนี้ถือว่าเข้าข่ายน่ากลัวมาก
-
คุณจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามี หนี้สิน อยู่เท่าไหร่
งานงอกแล้วค่ะทีนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณคิดไม่ออกว่า คุณมีหนี้สินติดพันอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะจำนวนมันสูงจนนับไม่ถ้วน หรือคุณจงใจลืมๆ มันไป ก็ล้วนส่อว่า หนี้ที่คุณมีมันเยอะเกินกว่าที่คุณจะรับผิดชอบได้แล้ว
-
คุณเริ่มกู้ยืมเงิน เพื่อมาใช้หนี้
กู้เงินมาโปะหนี้ เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งทางแก้ปัญหาสุดฮอตฮิตจริงๆ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เราเชื่อว่าเพื่อนๆ ก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะมันเป็นเหมือนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเสียมากกว่า และหากเป็นเช่นนี้หลายๆ งวดเข้า ปัญหาหนี้สินของคุณก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้ไปเรื่อยๆ เท่านั้น
-
คุณเริ่มกังวลว่า จะมีคนเห็นใบแจ้งหนี้ของคุณ
คุณจะเริ่มเป็นคนหวาดระแวงมากขึ้น หลังจากที่คุณเป็นหนี้ เพราะเวลาคุณเห็นรถไปรษณีย์มาหน้าบ้านทีไร คุณเป็นต้องรีบวิ่งไปโกยบรรดา ใบแจ้งหนี้ ของคุณไปซ่อนไว้ไม่ให้ครอบครัวเห็น
การกระทำแบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะลึกๆ แล้วแม้แต่ตัวคุณเองยังรู้เลยว่าหนี้สินขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดา ถ้าคนที่รักคุณมาเห็นเข้าต้องตำหนิ และเป็นห่วงชีวิตคุณอย่างแน่นอน
-
เบอร์ไม่รู้จัก เท่ากับเบอร์ทวงหนี้
ใครที่เป็นหนี้ ต้องเคยมีอาการแบบนี้บ้างแหละ เวลามีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามาทีไร คุณเป็นต้องสะดุ้งโหยง ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ทุกที ว่าจะเป็นการโทรมาทวงหนี้รึเปล่า
หากเป็น การโทรมาทวงหนี้ ก็แปลว่า เจ้าหนี้ได้ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ของคุณในตอนนี้มีโอกาสที่จะจ่ายคืนไม่ไหวสูง เจ้าหนี้จึงต้องเข้ามาวนเวียนป้วนเปี้ยนในชีวิตประจำวันของคุณมากขึ้นยังไงล่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆ เข้าข่ายกี่ข้อกันคะ ถ้าเข้าข่ายเกินกว่า 3 ข้อ แสดงว่าหนี้ของคุณกำลังจะสูงกว่าตัวคุณเองแล้วนะ ดังนั้น คุณห้ามนิ่งนอนใจเด็ดขาด มันถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติการบริหารเงินของตัวเองซะใหม่ ก่อนที่หนี้สินจะพันรัดตัวจนหายใจไม่ออกนะคะ
ท้ายนี้ หากคุณคิดจะใช้บัตรเครดิตหลายใบในการใช้หนี้ คุณควรคิดให้ดีนะคะ เพราะดอกเบี้ยบัตรเครดิตอาจทำให้คุณตายได้ แนะนำว่า รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดีกว่า แต่เมื่อไหร่ที่คุณใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด คุณจะพบว่ามันช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน และการใช้ชีวิตไปได้เยอะเลย