แคร์แม่และเด็ก

เด็กเล็กอายุไม่ถึง 5 ปี มีโรคอะไรบ้างที่ต้องระวัง ?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care

close
Published June 14, 2021

สุขภาพ อาการเจ็บป่วย ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงวัยอายุไม่ถึง 5 ปี นั้น อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่แข็งแรงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ จึงไม่แปลก หากคนเป็นพ่อแม่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ว่าแต่มีโรคอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษบ้างไหมนะ ประกันสุขภาพเด็กจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ตามเราไปดูกันดีกว่า

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    เด็กเล็กอายุไม่ถึง 5 ปี มีโรคอะไรบ้างที่ต้องระวัง ?

     

    ไข้เลือดออก 

    โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่มี “ยุงลาย” เป็นพาหะนำโรค มีโอกาสเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้คือ ถ้าได้รับเชื้อแล้วจะมีไข้สูงเกิน 3 วันขึ้นไป ตาและหน้าจะเริ่มแดง มีความรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดท้อง เป็นโรคระบาดที่พบได้มากเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน และเด็กเล็กเป็นกันค่อนข้างมาก และเป็นโรคที่สามารถเป็นอันตรายได้ถึงแก่ชีวิต ดังนั้น จึงไม่ควรละเลย

    โดยอาการที่สงสัยไดว่า ลูกคุณอาจจะเป็นไข้เลือดออก คือ มีไข้สูงมาก กินยาลดไข้เท่าไรก็ไม่ได้ผล ปวดหัว ปวดกระบอกตา หรือปวดเมื่อยตามตัว มีอาการตาแดง หน้าแดง ปากแดง เป็นต้น

    นอกจากนี้ ในคนไข้บางราย อาจมีอาการรปวดท้อง โดยเฉพาะตรงบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับเกิดภาวะอักเสบ ขณะเดียวกันจะมีอาการอาเจียนร่วม รวมไปถึงอาการขาดน้ำ ดังนั้น ถ้ารู้สึกว่าลูกของคุณนอกจากอาการป่วยไข้ไม่สบาย อาจจะต้องสังเกตอาการที่ผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วย เพื่อพบแพทย์ให้ไวที่สุด ก่อนมีอาการรุนแรงต่างๆ ที่ตามมา เช่น  เป็นไข้สูงเกินไป ช็อก หรือมีปัญหาเลือดออกง่าย

    สำหรับการป้องกันที่ดี คือ อย่าให้ยุงกัด และอย่าให้ยุงเกิด ด้วยการจำกัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดจากบริเวณรอบๆ บ้าง รวมไปถึง หากลูกต้องนอนกลางวันย คุณอาจจะต้องกางมุ้งให้เด็กๆ ได้หลับนอน จะช่วยให้ปลอดภัยจากโรคร้ายประจำหน้าฝนนี้ได้ 

    เด็กอนุบาล

    ท้องร่วงท้องเสีย 

    หลายคนมักจะมองข้ามเรื่อง ท้องร่วง ท้องเสีย เพราะมองว่าเป็นอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น แต่ที่จริงแล้ว บางครั้งอาการท้องเสียที่ว่า อาจจะมีอาการมาจากการติดเชื้อโรต้าไวรัส ซึ่งมาจากของเล่น อาหาร หรือของใช้ใกล้ตัวเด็กที่ไม่สะอาด เข้าปากโดยไม่รู้ตัว เกิดขึ้นง่ายในเด็กอนุบาล หรือเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ก็ได้

    เจ้าไวรัสโรต้านี้ เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วงในเด็กทารก และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี โดยจากสถิติทั่วโลกและในประเทศไทยพบว่า ไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุหลักทำให้เด็กป่วย และเสียชีวิตมากถึงปีละประมาณ 6 แสนคน

    สำหรับอาการที่จะสังเกตได้ว่า แตกต่างจากอาการท้องเสียทั่วไปนั้น บางรายจะมีไข้สูงเป็นอาการร่วม เด็กกินได้น้อย งอแง ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้

    โดยในปัจจุบัน มีวัคซีนป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับอนุมัติใช้ทั้งหมด 2 ชนิด คือ วัคซีนที่มีส่วนประกอบของเชื้อโรต้า 1 สายพันธุ์ และ 5 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดรับประทาน (หยอด) สามารถเริ่มให้กับทารกอายุตั้งแต่ประมาณ 6 – 12 สัปดาห์ และสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโรต้าอีกครั้ง ในช่วงอายุประมาณ 2 เดือน

    อาการท้องเสีย

    ไข้หวัดใหญ่

    เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตของช่วงฤดูเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้ กับ โรคไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza นอกจากจะพบได้ในผู้ใหญ่แล้ว เด้กเล็ก เด็กอนุบาล ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้กันทั้งนั้น 

    ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส อินฟลูเอนซา (Influenza Virus) สามารถแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ใหญ่ๆ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B 

    โดยอาการป่วยจะเริ่มปรากฎหลังได้รับเชื้อ 1-4 วัน อาการหลักๆ คือ เด็กจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก โดยอาจพบอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยเป็นระยะเวลานาน อาจจะมีอาการไอจากหลอดลมอักเสบ

    สำหรับไข้หวัดใหญ่ จะแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาตรงที่อาการจะรุนแรง และป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีโอกาสเสี่ย งและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น

    สำหรับใครที่กังวลก็ไม่ต้องตกใจ เพราะทุกวันนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกๆ ไปฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่กันได้ ซึ่งควรฉีดประมาณ 1 – 2 เดือน ก่อนฤดูกาลระบาดของโลกในทุกๆ ปี และสามารถฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

     

    โรค rsv

    โรคมือเท้าปาก

    โรคมือเท้าปากเกิดจากเชื้อไวรัส (Enterovirus 71, Coxsackie) พบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่จะพบมากในฤดูฝน ซึงกลุ่มเด็กเล็ก นับได้ว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงอย่างมาก เพราะติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ผื่น และตุ่มน้ำใสกันได้ง่าย พบมากในเด็กอายุ 6 เดือน – 3 ปี

    เบื้องต้น หากพบว่าลูกเป็นมือเท้าปาก ต้องลูกหยุดเรียน และแจ้งให้โรงเรียนทราบ รวมถึงหลีกเลี่ยงพาเด็กไปสถานที่ชุมชนจนกว่าจะหายดี

    หลักๆ แล้ว อาการที่เห็นชัดคือ มีตุ่มแผลในปากหรือในคอ มีผื่นแดงหรือตุ่มใสที่มือ เท้า ตามตัวหรือรอบทวารหนัก ประกอบกับอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ อาเจียน ถ่ายเหลว

    แต่ในเด็กบางคนจะรับประทานอาหารและน้ำไม่ค่อยได้ เพราะเจ็บปาก ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้อาจมีอาการมีไข้สูงเกินไป จนชักได้ และในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เช่น สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการต่างๆ ให้ดดี เมื่อผิดปกติต้องรีบพาพบแพทย์ทันที

    ปัจจุบันยังไม่มียารักษามือเท้าปากโดยเฉพาะ จึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น เช็ดตัวให้ยาลดไข้ ใช้ยาชาบรรเทาการเจ็บแผลในปาก ฯลฯ จนกว่าอาการดีขึ้น 

    สำหรับการป้องกัน ไม่ควรให้ลูกหลานไปอยู่ในสถานที่แออัด ควรให้ลูกล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการเอามือเข้าไปปาก เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรปลูกฝังเรื่อง การดื่มน้ำส่วนตัว ใช้ช้อนกลาง ไม่ปะปนกับข้าวของใช้งานจากคนอื่นๆ ด้วย

     

    ประกันสุขภาพเด็กออนไลน์

    โรค RSV 

    โรค RSV (Respiratory Syncytial Virus)นั้น เป็นโรคทีเ่กิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยโรคนี้ สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส 

    หลักๆ แล้ว โรค RSV ในช่วง 2 – 4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล แต่เมื่อผ่านไปสักพัก จะมีอาการโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมากๆ

    บางรายอาจมีไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครง หรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบาก หรือหายใจมีเสียงวี้ด รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนัก มีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง

    ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ เป็นต้น

    โดยทั่วไปแล้ว เด็กๆ อาจจะติดเชื้อได้จากผู้อื่นที่มาจับหรือหอมแก้มเด็กๆ ซึ่งอาจมีเชื้อเหล่านั้นติดมาด้วย ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุด คือ ตัวผู้ใหญ่ควรระมัดระวัง อย่าเผลอแพร่เชื้อให้เด็กเล็กโดยไม่รู้ตัว ด้วยการดูแล รักษาความสะอาด ก่อนสัมผัสกับเด็กๆ อย่างสม่ำเสมอ

    เด็กเล็ก

    การเลี้ยงลูกในยุคที่โรคภัยระบาดหนักแบบนี้ คงชวนให้ผู้ปกครองทั้งหลายกังวลใจไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่การพบแพทย์ในเด็กเล็ก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องใช้แพทย์เฉพาะทาง และจะดีกว่าไหม ถ้ามีใครมาช่วยแบ่งเบาเรื่องค่าดูแลรักษาเหล่านี่ ต้องนี่เลย ประกันสุขภาพเด็ก จาก Rabbit Care โบรกเกอร์ประกันที่ให้คุณเชื่อถือได้ พร้อมกับเบี้ยประกันเบาๆ คุ้มค่า คุ้มครองเรื่องสุขภาพ! 


    บทความแคร์แม่และเด็ก

    แคร์แม่และเด็ก

    ความสามารถพิเศษที่ควรให้ลูกมีติดตัวไว้ เพราะอาจได้ใช้และต่อยอดได้ในระยะยาว

    ความสามารถพิเศษ สิ่งที่เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากมีติดตัวเอาไว้ย่อมเป็นผลดีมากกว่าไม่มี
    Nok Srihong
    25/03/2024

    แคร์แม่และเด็ก

    ผ่าคลอด มีข้อดีอย่างไร ? ปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?

    สำหรับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จะผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องตัดสินใจ ว่าจะผ่าคลอดดีหรือไม่ การผ่าคลอดปลอดภัยกว่าคลอดธรรมชาติไหม
    Nok Srihong
    12/03/2024