โลกนี้ไม่มีใครไม่เคยถูกยุงกัด ต้องมีสักครั้งที่โดนศัตรูตัวร้ายใช้ปากแหลมเจาะเส้นเลือดฝอยเพื่อกินอาหารไปประทังชีวิต ยิ่งถ้านั่งในมุมมืด คงหนีไม่พ้นยุงกัดเลยสักที การไล่ยุงในแบบวิธีที่คิดได้ในตอนนั้นคือการสั่นขา เขย่าตัวให้เป็นจังหวะ หรือยกขาให้พ้นความมืด แต่สุดท้ายยุงก็มากัดเหมือนเดิม
(จึงเกิดคำถามว่าทำไมยุงถึงกัดแต่เรา) ยากันยุงจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่เป็นอาวุธต่อสู้กับยุง เพราะนอกจากยุงจะกัดเจ็บแล้ว ยังทำให้คันอีกด้วย แต่เหตุผลหลักที่ต้องระวังยุง เพราะว่ายุงคือพาหะนำโรคร้ายมาให้ตัวเราต่างหาก
สวัสดียุงขอทำความรู้จักหน่อย
หลายคนถึงกับก่นด่าอยู่ในใจว่าโลกนี้ทำไมต้องมียุงด้วย ยุงมันมีประโยชน์อะไร นอกจากกัดแล้วก็กัด ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเจ้ายุงตัวร้ายกันก่อนดีกว่า
ในโลกมียุงประมาณ 400 ชนิด ยุงบางชนิดเกิดมาเพื่อก่อความรำคาญ ยุงบางชนิดเกิดมาเพื่อเป็นพาหะนำโรค ซึ่งยุงที่จะเห็นบ่อยๆ ในประเทศไทย คือ
-
ยุงรำคาญ
ยุงรำคาญคือยุงที่สร้างความรำคาญไม่ต่างจากแมลงหวี่แมลงวัน (ที่มักเจอบ่อยๆ และตอมอาหาร) มีลำตัวบอบบางร่างน้อย ไม่มีลวดลายตามตัว คิดจะทิ้งไข่ก็ทิ้งได้ในแหล่งน้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะน้ำขังที่ไหนก็จะทิ้ง ยุงรำคาญมีมากกว่าชนิดอื่น
-
ยุงลาย
ยุงชนิดนี้นอกจากจะกัดและดูดเลือดแล้ว ยังเป็นพาหะนำโรคที่นำเชื้อไวรัสติดไปกับน้ำลายของตัวเอง โดยยุงลายจะมีลายสีขาวดำสลับกันไปมาทั้งตัว ชอบวางไข่ในน้ำเหมือนยุงรำคาญ แต่ต้องเป็นน้ำใสนิ่งๆ
-
ยุงก้นปล่อง
ยุงก้นปล่องมีลักษณะเด่นที่สำคัญคือ ส่วนท้องของมันจะยกสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่ยืนทรงตัวเพื่อดูดเลือด ชอบอยู่ในน้ำสะอาดที่ปราศจากมลพิษ ยุงก้นปล่องตัวเมียที่ดูดเลือดไปหนึ่งมื้อสามารถวางไข่ได้ 50 – 150 ใบ
-
ยุงเสือ
ยุงตัวใหญ่มีสีน้ำตาล มีเกล็ดหรือลวดลายแปลกตาบนปีก ส่วนใหญ่จะพบในทางภาคใต้ของประเทศไทย แหล่งเพาะพันธุ์ของยุงเสือมักอยู่ตามบึง หรือหนองน้ำที่มีพื้นน้ำ เช่น จอก ผักตบชวา ชอบดูดเลือดคนและสัตว์ เป็นพาหะนำโรคเท้าช้าง
เกิดแก่เจ็บตายของยุง
-
ไข่
มีขนาดเล็กแต่ก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไข่ยุงแต่ละชนิดมีลักษณะต่างกันออกไป ถ้าเป็นยุงก้นปล่องจะมีทุ่นลอยใสอยู่ข้างไข่เพื่อพยุงให้ลอยน้ำได้ ไข่ยุงลายไม่มีทุ่นแต่จะเกาะอยู่ขอบภาชนะที่มีน้ำขังไว้ ซึ่งภาชนะที่ว่าคือถังซีเมนต์ จานรองขาตู้ แจกัน เป็นต้น
-
ลูกน้ำ
เมื่อมีชีวิตเป็นไข่ยุงได้สักสองวันก็จะกลายพันธุ์เป็นลูกน้ำ มีรูปร่างเหมือนเดิมเพียงแต่โตขึ้น โดยลูกน้ำจะเติบโตทั้งหมด 4 ระยะและลอกคราบ ลูกน้ำของยุงก็ต่างกันออกไป อย่างลูกน้ำยุงก้นปล่องไม่มีท่อหายใจมีแต่เพียงรูหายใจ ในขณะที่ลูกน้ำยุงลายมีท่อหายใจสั้น
-
ตัวโม่ง
เป็นวงจรชีวิตชนิดที่ 3 ของยุงซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดคือหัวโต จะลอยน้ำนิ่งๆ ที่ผิวน้ำ แต่ถ้าถูกรบกวนก็จะเคลื่อนไหวได้ไวมาก ซึ่งตัวโม่งจะใช้ชีวิตในน้ำเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะลอกคราบออกมาเป็นยุงเต็มตัว
-
เต็มวัย
เมื่อถึงเวลาที่ยุงจะโบยบิน ตัวโม่งจะเริ่มปริออกตัวยุงก็ค่อยๆ ดันออกมา ขณะที่กำลังจะก้าวผ่านตัวโม่งปีกก็กางออกสักเล็กน้อย และใช้ปลายขาที่หลุดพ้นออกมาเกาะอยู่บนผิวน้ำสัก 2-3 ชั่วโมง เมื่อปีกแข็งแรงจึงสลายปีกออกและโบยบิน แล้วตอนนั้นพาหะนำโรคขนาดจิ๋วก็ทำงาน
โรคที่มากับยุงของประเทศไทย
โปรดอย่าลืมว่าเจ้ายุงตัวจ้อยที่มีปีกไว้คอยบินไปทั่วคือยานพาหนะชั้นดีที่กระจายเชื้อไวรัสต่างๆ โดยไม่เสียเงินค่าขนส่งสักบาท ซึ่งในประเทศไทยบ้านเรามีโรคที่เกิดจากยุงอยู่หลายโรค ได้แก่
-
ไข้เลือดออก (Dengue Fever)
โรคไข้เลือดออกคือชื่อคุ้นหูที่ไม่ว่าใครก็เคยได้ยิน มีเชื้อไวรัสเด็งกี่เป็นเชื้อประจำโรค ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดอันดับให้โรคนี้เป็นหนึ่งในโรคเขตร้อน ซึ่งบ้านเราคือเขตร้อน จึงหนีไม่พ้นโรคไข้เลือดออก
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ถึงมีก็เป็นไข้อ่อนๆ (ที่สามารถลดไข้เองได้) แต่ผู้ติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ประมาณ 5% มีอาการรุนแรง โดยจะมีไข้เฉียบพลันภายใน 3-14 วันหลังมีเชื้อ จะปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ มีผื่นตามร่างกาย หรืออาจช็อกจนเสียชีวิต
-
ไข้มาลาเรีย (Malaria)
ไข้มาลาเรียทำให้คนเสียชีวิตนับล้านต่อปี และมีเชื้อโปรโตซัวเป็นไวรัสประจำโรค ซึ่งพบใน 97 ประเทศ ประเทศไทยเองก็มีโรคนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน โดยในประเทศไทยแหล่งแพร่โรคจะอยู่ในท้องที่ที่เป็นป่าเขา (ใครไปเที่ยวป่าเขา หรือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติต้องระวังเอาไว้ให้ดี) ยิ่งแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศพม่าและกัมพูชายิ่งพบเห็นได้บ่อย
โปรโตซัวเป็นไวรัสที่มีสเต็มเซลล์เดียว เป็นปรสิตที่วงจรชีวิตซับซ้อน มีพัฒนาการหลายขั้นตอน ซึ่งไข้มาลาเรียจะมีอาการไข้ ปวดหัว ร่วมด้วยอาเจียน (หรือที่เรียกว่าไข้ป่า) จะแสดงให้เห็นภายใน 2 อาทิตย์หลังจากร่างกายได้รับเชื้อ ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อพลาสโมเดียม ฟัลซิพารัม หรือเชื้อที่มีความอันตรายที่สุดจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว มันจะไปอาศัยอยู่ในสมอง ส่วนเชื้ออื่นๆ จะอยู่ในตับซึ่งซ่อนตัวได้ถึง 30 ปี สุดท้ายผู้รับเชื้อก็ถึงแก่ชีวิต
-
โรคเท้าช้าง (Lymphatic Filariasis)
หนอนพยาธิตัวกลมเป็นเชื้อไวรัสตัวโปรดของโรคเท้าช้าง ซึ่งจะแอบแฝงอยู่ในต่อมน้ำเหลืองของมนุษย์ โดยยุงจะเป็นตัวแพร่เชื้อใส่สิ่งมีชีวิตอื่นโดยการกัด ผู้ติดเชื้อจะมีร่างกายที่ผิดปกติ หรือพิการ หากเป็นเพศชายจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เนื้อเยื่ออักเสบ บริเวณแขน ขา ต่อมน้ำเหลือง และจะแอบอยู่ในร่างกายยาวนานถึง 8 ปี
ในประเทศไทยพบได้หรือแพร่เชื้อในท้องที่ชนบท โดยเฉพาะทางภาตใต้และภาคตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อมีหนอนพยาธิตัวกลมอยู่ในร่างกายคือแขน เท้า ลูกอัณฑะจะบวม ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ผู้ป่วยบางคนมีเท้าบวมใหญ่คล้ายกับเท้าช้าง จึงถูกเรียกว่าโรคเท้าช้าง
-
ไข้สมองอักเสบ (Japanese Encephalitis)
สำหรับประเทศไทยเชื้อไวรัสเจอี จะถูกแพร่กระจายตามพื้นที่ชนบทโดยเฉพาะทางภาคเหนือ ยิ่งถ้าพื้นที่แห่งนั้นมีการเลี้ยงหมูก็จะเกิดมากขึ้น โดยปกติไข้สมองอักเสบจะเป็นโรคติดต่อของสัตว์และสัตว์ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามยุงไปกัดสัตว์ที่มีเชื้อ และมาแพร่เชื้อใส่คนอีกทีหนึ่งก็จะติดเชื้อนั้นด้วยน้ำลายของยุงไปโดยปริยาย
ผู้ได้รับเชื้อเจอีอาจไม่มีอาการป่วย หรือมีอาการป่วยก็ได้ โดยจะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อภายใน 15 วัน ระยะแรกอาจมีไข้สูง อาเจียน ปวดหัว อ่อนเพลีย ซึ่งจะกินเวลาถึง 7 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการทางสมองอย่าง คอแข็ง ไม่ค่อยมีสติ ซึม หรือมีอาการโคมา สั่น ช็อก และชัก ถ้าอาการรุนแรงมีโอกาสตายได้ แต่ถ้ารอดไข้จะลดลง สมองจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ยังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่อย่างเกร็ง อัมพาต ชัก หรือหงุดหงิดง่าย
หลายคนเข้าใจผิดว่าอหิวาตกโรคมียุงเป็นพาหะ แต่เปล่าเลย แมลงวันต่างหากที่เป็นพาหะของเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่พบเห็นได้ในบริเวณที่สุขอนามัยที่ไม่ดี โดยร่างกายได้รับอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนเข้าไปทำให้ถ่ายเป็นน้ำเหมือนท้องเสีย หรืออาเจียนออกมา
โรคที่มาจากยุงล้วนเป็นอันตรายจากชีวิตอยู่แล้ว เจ็บป่วยทีไรก็ต้องใช้เงินมากโขในการรักษา โรคจากยุงถือเป็นโรคร้ายแรงที่ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครอง ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าให้เบาลงได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น ยุงเป็นเหมือนระบบขนส่งที่มีขนาดเล็ก บินได้ แต่บรรทุกโรคภัยร้ายขนาดมหึมาติดมาด้วย การกำจัดยุงให้สิ้นซากจึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้คนในครอบครัวปลอดภัยจากโรคต่างๆ ถ้ารู้อย่างนี้แล้วก็เริ่มสำรวจน้ำขัง กำจัดลูกน้ำให้หมดจากบ้านเราได้แล้วเนอะ