ในชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญมากที่สุดก็คือครอบครัวเพราะครอบครัวคือสิ่งที่ฟูมฟักเรามาตั้งแต่เด็กจนโต หล่อหลอมเราออกมาให้กลายเป็นเราดั่งในปัจจุบัน คอยช่วยเหลือค้ำจุนเราไม่ให้ล้มลง
ซึ่งเรื่องราวการเชิดชูความสัมพันธ์ครอบครัวอันแน่นแฟ้นของตัวละคร ดอมินิก โทเร็ตโต ในภาพยนตร์ The Fate of the Furious นี้นั่นเองที่ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในบทความนี้ขึ้น และนี้คือ 5 ภาพยนตร์สอนข้อคิดเรื่องครอบครัวที่คุณห้ามพลาด
Boyhood (2014)

ว่าด้วยเรื่องราวการเติบโตของเด็กหนุ่ม เมสัน ตั้งแต่วัยเด็กจนโตเข้ามหาวิทยาลัย Boyhood ไม่ได้เพียงแค่นำเสนอการค้นหาตัวเอง และการเปลี่ยนผ่าน (Coming of Age) จากเด็กมาสู่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ระหว่างทางยังพูดถึงสภาพครอบครัวในหลากหลายช่วงอารมณ์ ตั้งแต่มีความสุข มีความทุกข์ ไปจนถึงมีความหวัง
จุดที่โดดเด่นที่สุดนอกจากการเติบโตของเมสัน ก็คงจะหนีไม่พ้นความสัมพันธ์ระหว่างเมสันและแม่ของเขา ซึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาต่างฝ่ายต่างเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของกันและกัน การแสดงหรือปลดปล่อยอารมณ์ในช่วงใดช่วงหนึ่ง จึงเป็นสิ่งสะท้อนให้เราเห็นถึงสภาพครอบครัวที่กำลังอบอุ่นหรือแตกหักในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายแล้ว Boyhood ก็เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงการเติบโตของครอบครัวในมุมมองของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในหลากหลายอารมณ์ได้อย่างครบถ้วน แม้จะชวดรางวัลในเวทีออสการ์แทบจะทุกสาขาในปีที่เข้าชิง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าและความยอดเยี่ยมของ Boyhood ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
Finding Neemo (2003)

จากเรื่องราวของครอบครัวมนุษย์ มาสู่เรื่องราวการผจญภัยตามหาลูกอันแสนน่าทึ่งของคุณพ่อปลามาร์ลินหลังจากที่ลูกของเขานีโม่ได้ถูกจับตัวไป ถ้าหากจะมีภาพยนตร์เรื่องใดที่ถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยและความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดของครอบครัวได้ดีที่สุด หนึ่งในตัวเต็งก็คงจะหนีจาก Finding Neemo ไปไม่พ้นอย่างแน่นอน
Finding Neemo เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่แสนอบอุ่น และน่ารัก เหมาะสมกับการชวนครอบครัวมานั่งชมด้วยกันอย่างยิ่ง แถมยังได้ข้อคิดดี ๆ กลับไปด้วยอีกนะ
The Pursuit of Happyness (2006)

ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเวลา นั่นคงจะเป็นความจริงที่หลายคนคงจะหลีกหนีไม่พ้น The Pursuit of Happiness ว่าด้วยเรื่องราวการดิ้นรนและต่อสู้กับชีวิตอันแสนยากลำบากของ คริส การ์ดเนอร์ และลูกชายของเขา คริสโตเฟอร์
The Pursuit of Happiness สอนบทเรียนการใช้ชีวิตให้กับเรามากมาย โดยเฉพาะในด้านของความพยายามอันไม่ลดละ และไม่ยอมพ่ายแพ้ เหมาะกับผู้ที่หมดกำลังใจหรือหมดแรงกับการสู้ชีวิตอย่างที่สุด นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังนำเสนอสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่เป็นดั่งเชื้อเพลิงอันไม่สิ้นสุด คอยเติมกำลังใจให้กันและกัน ในช่วงที่รู้สึกท้อถอยได้ดีอีกด้วย
The Impossible (2012)

ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งซึ่งต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สึนามิ สิ่งหนึ่งที่ The Impossible เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าก็คือพลังของครอบครัว ความเชื่อที่แม้เหตุการณ์จะดูสิ้นหวังหรือเลวร้ายมากเท่าใดก็ตาม สิ่ง ๆ นี้ก็จะสามารถดึงสมาชิกครอบครัว ให้สามารถกลับมาพบพาน และพร้อมหน้าพร้อมตากันได้อีกครั้งหนึ่ง
The Impossible แสดงให้เห็นถึงพลังของความเชื่อ และพลังของครอบครัวที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจนผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ในที่สุด เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เราคอยเอาใจช่วยเหล่าตัวละครให้สามารถรอดพ้นจากภัยอันตรายและกลับมาพบกันได้อีกครั้งอยู่ตลอดเวลา
Moonlight (2016)

ว่าด้วยเรื่องราวของชีวิตและจิตใจอันสับสนของ ไชรอน ในสามช่วงชีวิตจากเด็ก วัยรุ่น จนโตเป็นผู้ใหญ่ Moonlight คือผลงานเจ้าของตำแหน่งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่องล่าสุดของเวทีรางวัลออสการ์ปีล่าสุด ซึ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่เดือนนี้ และเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวในห้าเรื่อง ซึ่งพูดถึงเพศที่สาม
Moonlight สอนให้ผู้ชมได้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะหน้าที่ของบิดามารดา ที่การเลี้ยงดูเอาใจใส่แทบจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมและอนาคตของลูกทั้งหมด ซึ่งถึงแม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่ครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัวอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง การให้อภัยซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ในขณะเดียวกัน ตัวภาพยนตร์ก็ยังพูดถึงการค้นหาตัวเอง และปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูลึกซึ้ง ซับซ้อน แต่กลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาดทีเดียว
การดิ้นรนที่ไม่สิ้นสุด
จากภาพยนตร์ทั้งห้าเรื่องที่กล่าวมา จะเห็นได้ชัดเลยว่า ชีวิตของมนุษย์เราต่างเต็มไปด้วยการดิ้นรนและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการวางแผนชีวิต และวางแผนครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับทั้งตัวเราเองและคนที่เรารัก อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันในเส้นทางภายภาคหน้า และสร้างความอุ่นใจกับเราได้ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก: Time Out