ประกันกลุ่มสำหรับธุรกิจ
ประกันสุขภาพกลุ่ม สำหรับพนักงาน
หลักประกันเพื่อสร้างความคุ้มครอง
ให้บุคลากรปฏิบัติงานได้อย่างอุ่นใจ
ข้อมูลส่วนตัวของท่านปลอดภัยแน่นอน
ประกันสุขภาพ คือ การประกันภัยที่ทางบริษัทประกันตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้แก่ผู้เอาประกันภัย
แต่คุณรู้หรือไม่คะ ว่าผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ของบริษัทขายประกันถึงมีประเภทของประกันสุขภาพให้เลือกถึง 2 ประเภท ได้แก่
แล้วแบบนี้ ประกันสุขภาพประเภทรายบุคคล กับประกันสุขภาพประเภทกลุ่มหรือบริษัท ต่างกันอย่างไร?
เหล่ามนุษย์เงินเดือนคงสงสัยกันใช่ไหมคะว่า ประกันภัยประเภทกลุ่มพวกนี้คืออะไร? มันก็คือสวัสดิการที่ทางบริษัทจะให้เรา อย่างเช่น มีรถรับ - ส่งพนักงาน ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจฟันทุกๆ 6 เดือน ค่ารักษาพยาบาล
ดังนั้นประกันภัยประเภทกลุ่ม คือ การรับประกันภัยบุคคลหลายคน ภายใต้กรมธรรม์ประกันฉบับเดียวหรือประกันฉบับอื่นก็ได้ แต่ต้องเป็นประกันภัยประเภทกลุ่มที่ทางบริษัทของคุณทำ โดยผู้เอาประกันส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัทหรืออยู่ในองค์กรเดียวกัน ทางบริษัทจะออกใบสำคัญให้กับสมาชิกทุกคนที่อยู่ภายใต้กรมธรรม์
โดยมีนายจ้างเป็นผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัย เป็นผู้ทำหน้าที่เรียกร้องผลประโยชน์ตามสิทธิกรมธรรมประกันภัยจากบริษัทประกันภัย ซึ่งบริษัทประกันภัยอาจจะตรวจสุขภาพหรือไม่ก็ได้ ซึ่งอัตราเบี้ยประกันจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม ส่วนลูกจ้างจะเป็นผู้เอาประกันภัย
ซึ่งบริษัทประกันสุขภาพจะออกกรมธรรม์ประกันภัยให้เจ้าของบริษัท นายจ้าง เท่านั้น เรียกว่า “กรมธรรม์ประกันภัยหลัก” ส่วนลูกจ้างนั้นจะได้รับเอกสาร ที่เรียกว่า “ใบรับรองการเอาประกันภัย หรือบัตรประกันสุขภาพ” ไว้เป็นหลักฐานในการเอาประกัน หรือได้รับสิทธิรักษาพยาบาล
อย่างเช่น บริษัท rabbit finance ถูกก่อตั้งโดย rabbit internet ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท บีทีเอส จำกัด มหาชน (BTS) โดยบริษัทแม่อย่าง บีทีเอส ทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มกับบริษัทประกันหนึ่ง ทำให้บริษัทในเครือ หรือบริษัทลูก ต้องใช้ประกันกลุ่มที่บริษัท BTS ทำไว้ ซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดการ และสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ
ประกันสุขภาพแบบกลุ่มในเครือ จะให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลอันเกิดจากการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย ทั้งกรณีการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวพนักงาน และเป็นผลดีต่อบริษัท เพราะสร้างความมั่นคงให้บริษัทนั่นเอง
การทำประกันสุขภาพกลุ่ม ถือเป็นข้อดีทั้งตัวพนักงานและตัวนายจ้างเอง โดยข้อดีของการทำประกันสุขภาพกลุ่มมี ดังนี้
เพราะทางบริษัทจะมอบสวัสดิการที่ดีให้แก่พนักงาน แสดให้เห็นถึงความเอาใจใส่ และให้ความสำคัญกับลูกจ้าง ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างอีกด้วย
ประกันสุขภาพแบบกลุ่มมีต้นทุนต่ำ แต่ลูกจ้างของคุณจะได้รับผลประโยชน์สูง เมื่อเทียบกับการทำประกันภัยรายบุคคล และช่วยลดการเรียกร้องเงินช่วยเหลือ เมื่อลูกจ้างเสียชีวิตหรือเจ็บป่วย
สามารถวางแผนทางการเงินได้ล่วงหน้า เพราะการทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม มีอัตราเบี้ยประกันที่แน่นอน และคงที่ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าในแต่ละปี องค์กรหรือบริษัทจะต้องเสียต้นทุนในส่วนนี้เท่าไหร่
ทางองค์กรหรือบริษัทจะสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งส่งผลดีต่อตัวบริษัทเนื่องจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แถมยังช่วยให้บริษัทจัดการวางแผนทางการเงินได้
หากทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มให้กับพนักงาน นอกจากจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังช่วยเรื่องให้บริษัทดูแลพนักงาน จัดการเรื่องสวัสดิการให้กับพนักงานได้อย่างง่ายดาย ไม่วุ่นวาย
การะทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มเปรียบเสมือนการสร้างหลักประกัน ทำให้ลูกจ้างเกิดความมั่นคง และมีความไว้วางใจในการทำงานมากขึ้น
เมื่อลูกจ้างเจ็บป่วย บาดเจ็บ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีบริษัทประกันเข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
หากในกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ ครอบครัวของลูกจ้าง จะได้รับเงินชดเชย ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ทุกวันนี้เราไม่สามารถเอาแน่เอานอนกับเรื่องสุขภาพร่างกายได้เลย เราสามารถเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ด้วยสภาวะที่ต้องออกไปเจอผู้คนมากมาย สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย หรือบางครั้งเราอาจเกิดอุบัติเหตุ เจ็บตัว แต่สิ่งที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายพยาบาล และค่าอื่นๆ อีกมากมาย
ประกันสุขภาพแบบกลุ่มจึงเป็นตัวช่วยเหล่ามนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับสุขภาพให้กับพนักงาน รวมถึงยังเป็นการ สร้างความมั่นคงให้พนักงานขององค์กร ของบริษัทนั้นๆ
พนักงานเป็นผู้ขับเคลื่อนการทำงาน ระบบการทำงานที่นำไปสู่ผลงานบริษัท หากพนักงานของบริษัทเกิดป่วย ต้องนอนพักรักษาตัว ไหนจะค่าห้อง ค่ารักษา ค่ายา ที่จำเป็นต้องจ่าย อีกทั้งเบี้ยประกันก็มีไม่สูงมากนัก
ได้รับสิทธิพิเศษชั้น 2 หากบริษัททำประกันสุขภาพกลุ่มในเครือ จ่ายเบี้ยประกันสุขภาพเป็นประจำล่ะก็ ทางบริษัทสามารถนำเงินเบี้ยประกันส่วนนี้ไป ลดหย่อนค่าภาษี ได้เช่นกัน เรียกได้ว่า ได้ประโยชน์ทั้งตัวบริษัทและตัวลูกจ้าง
ดังนั้น บริษัทควรทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพนักงานของบริษัท อีกทั้งเพื่อความมั่นคงของตัวบริษัทเองด้วย เพราะหากคุณลองนึกดู ถ้าพนักงานของคุณเกิดเจ็บป่วยในจำนวนหนึ่ง ทำให้การงานเกิดสะดุด ติดขัด บางทีอาจไปหาหมอ ปรึกษากับหมอไม่ตรงจุด เสียเวลา เสียเงินไปเปล่าๆ
ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม จึงเปรียบเหมือนการตอบแทนพนักงานของคุณ เพื่อรับรองความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ตัวพนักงาน หากเกิดล้มป่วยกระทันหัน พนักงานจะได้รับการคุ้มครองที่มีคุณภาพ ได้รับการรักษาที่ดีก็ทำให้คนไข้หายไว
ค่าใช้จ่ายสำหรับ ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งมีราคาสูงและมีเกณฑ์ว่าจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ หรือการรักษาบางเคสอาจจะต้องเสียเงินหลักแสน ซึ่งข้อดีของการทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม คือ ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ คุณจะได้ไม่กังวลกับค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป
การมีประกันสุขภาพจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หากคุณมีการเจ็บป่วยบริษัทประกันจะเข้ามาดูแลค่ารักษา อีกทั้งคุณยังได้รับคำปรึกษาและการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ภาระค่าใช้จ่ายทุกวันนี้ก็มีมากพอแล้ว ถ้าหากคุณทำประกันสุขภาพภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะถูกตัดออกไป ทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล
บางคนเวลาที่เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็มักจะไม่ไปพบแพทย์ เนื่องจากกลัวต้องเสียค่ารักษาพยาบาลที่แพงและมักจะหายาทานเอง แต่บางครั้งโรคเล็กน้อยเหล่านี้ อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้ ดังนั้น การมีประกันสุขภาพ ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้อง กังวลค่าใช้จ่าย คุณกล้าที่จะพบแพทย์มากขึ้น ถึงจะเป็นอาการเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
บริษัทประกันสุขภาพส่วนใหญ่ มักจะมีแพทย์และพยาบาลที่คอยให้คำแนะนำและให้การดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลสำหรับโรคต่างๆ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาในเรื่องของดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ รวมทั้งยังมีการให้ข้อมูลและความรู้ด้านการแพทย์อีกด้วย
ดังนั้นหากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน ผู้จัดการบริษัท เจ้าของกิจการ และมีลูกจ้าง ลูกน้องอยู่จำนวนมาก คุณควรที่จะทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม เพื่อประโยชน์แก่ลูกน้องของคุณ และเพื่อความสะดวกในการจัดการ ไม่ให้เกิดปัญหาที่ตามมานั่นเอง
แต่ประกันสุขภาพแบบกลุ่มในประเทศไทย กลับไม่ค่อยได้รับความนิยมทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่จำเป็น rabbit finance จึงนำผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแบบกลุ่มมาให้ผู้ที่สนใจ ได้เลือกใช้บริการตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กร
ประกันสุขภาพกลุ่มหรือประกันสุขภาพบริษัท ให้ความคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ผู้รับความคุ้มครองบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ทำให้ต้องเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ทั้งรัฐบาลและเอกชน ที่จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่ผู้เอาประกันภัย ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี
การทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ เพื่อมอบความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยของพนักงานลูกจ้างได้อย่างครอบคลุม ดังนี้
ผู้ป่วยใน หมายถึง ผู้รับความคุ้มครองที่เข้ารับการบริการของโรงพยาบาลและแพทย์ลงความเห็นให้รักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
กรณีผู้รับความคุ้มครองเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน บริษัทฯ จะจ่ายค่าห้อง และค่าอาหารสำหรับบาดเจ็บหรือป่วยไข้แต่ละครั้ง
กรณีที่ผู้ได้รับความคุ้มครองเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน และจำเป็นต้องรักษาในห้อง ไอ.ซี.ยู ประกันจะจ่ายค่าห้อง ไอ.ซี.ยู สำหรับการบาดเจ็บหรือการป่วยไข้แต่ละครั้ง
กรณีที่ผู้รับความคุ้มครองเข้ารับการรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน บริษัทฯ จะรับผิดชอบค่าจ่ายทั่วไปสำหรับการบาดเจ็บหรือป่วยไข้แต่ละครั้ง โดยค่าใช้จ่ายทั่วไป หมายถึง ค่าใช้จ่ายอันเกิดจาก
(1) การสั่งยาและเวชภัณฑ์โดยแพทย์
(2) การแต่งบาดแผล การเข้าเฝือกธรรมดาและการเข้าเฝือกพลาสเตอร์
(3) กายภาพบำบัด
(4) การตรวจหัวใจโดยคลื่นไฟฟ้า การตรวจโดยรังสีเอ็กซ์
(5) การฉีดยาเข้าเส้นเลือด
(7) ค่ารถพยาบาลทั้งไปหรือมา จากโรงพยาบาล (สูงสุดไม่เกินค่าห้องและค่าอาหาร/วัน เที่ยว)
(8) ค่าบริการพยาบาล
(9) ค่าห้องผ่าตัด
(10) การวางยาสลบ และการให้ออกซิเจน รวมทั้งค่าวิสัญญีแพทย์
ประกันจะจ่ายค่าธรรมเนียมการผ่าตัดโดยแพทย์ สำหรับการบาดเจ็บหรือการป่วยไข้ ในกรณีที่มีการผ่าตัดเกินกว่าหนึ่งครั้งที่กระทำในแผลเดียวกัน ทางประกันจะจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับการผ่าตัดครั้งที่มากที่สุด
ทางประกันจะจ่ายค่าดูแลโดยแพทย์ สำหรับการบาดเจ็บ หรือการป่วยไข้ต่อครั้งต่อวัน
ทางประกันจะจ่ายค่าปรึกษาทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
กรณีที่ผู้รับความคุ้มครองเข้ารับการรักษาตัวภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่เกิดอุบัติเหตุ ในฐานะผู้ป่วยนอกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหรือคลินิกของแพทย์
ในกรณีที่เป็น ผู้ป่วยนอก ทางบริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับการบาดเจ็ย หรือการป่วยไข้ต่อรั้งต่อวัน
เมื่อเข้ารับการรักษาเหงือกและฟัน ทางประกันจะให้ความคุ้มครองการรักษาเหงือกตามธรรมชาติ เฉพาะ การอุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน รักษารากฟัน ผ่าฟันคุด และเหงือกอักเสบ
ทางประกันจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สำหรับการบาดเจ็บ และการป่วยไข้แบบสาหัส
ประกันภัยกลุ่มของ บริษัทประกัน AIA จะช่วย มอบความมั่นคงให้กับองค์กร และให้ความคุ้มครองพนักงานคนสำคัญ ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพยาบาล ค่ายา ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ โดย AIA มีประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ทั้งหมด 2 แผน ดังนี้
ประกันสุขภาพกลุ่ม ดูแลพนักงานคนสำคัญของคุณด้วยแผนประกกันทวเนตี้อัพ (พลัส) รับประกันสำหรับองค์กรที่มีจำนวนพนักงาน ตั้งแต่ 20-50 คน
แผนประกันสุขภาพสำหรับองค์กร ที่จะช่วยคุ้มครองสุขภาพ ช่วยดูแลพนักงานคนสำคัญของคุณ สำหรับองค์กรที่มีจำนวนพนักงาน 5 - 19 คน
แผนประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ทั้ง 2 แผน จำเป็นต้องผ่านการตรวจสุขภาพและการพิจารณารับประกันภัยให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
โดยแผนประกันสุขภาพแบบกลุ่มทั้ง 2 มีความแตกต่างกันที่จำนวนพนักงานที่คุ้มครอง แผนแรกจะให้ความคุ้มครองจำวนพนักงานเยอะกว่าแผนที่ 2 ดังนั้นบริษัทที่มีจำนวนพนักงานน้อยก็ไม่ควรเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบกลุ่มแผนแรก ควรดูให้ดีว่าแผนไหนเหมาะกับบริษัทฯ ของคุณมากที่สุด เพื่อความคุ้มค่า ความเหมาะสม แก่พนักงานภายในบริษัทของคุณนั่นเอง
หากใครที่สนใจ อยากทำประกันสุขภาพ กับทาง rabbit finance ก็สามารถช่วยเปรียบเทียบได้ง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว แถมยังมีข้อเสนอให้เลือกอีกมากมาย เพื่อให้คุณได้ประกันสุขภาพที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด
ประกันภัยสุขภาพแบบกลุ่ม จากบริษัทประกัน AXA อย่าง สมาร์ทแคร์ เอ็กเซ็กคิวทีฟ กลุ่ม เป็นประกันภัยสุขภาพสำหรับบริษัทที่มอบให้กับพนักงาน เพื่อดูแลพนักงานของคุณได้อย่างเต็มที่ เพราะการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด และสามารถเกิดขึ้นกับพนักงานของคุณได้
แผนประกันภัยสมาร์ทแคร์เอ็กเซ็กคิวทีฟ แบบกลุ่ม สามารถช่วยคุณแบ่งเบาค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เป็นกันเอง เริ่มต้นเพียง 5,000 บาทต่อคน/ต่อปี พนักงานของคุณจะได้รับค่าชดเชยรักษาพยาบาลได้สูงถึง 300,000 บาทต่อครั้ง
ให้สูงสุดถึง 300,000 บาท/ปี ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เริ่มต้นเพียง 5,000 บาทต่อคนต่อปี
ในลักษณะจำนวนเงินผลประโยชน์สูงสุดต่อโรคต่อครั้ง โดยไม่จำกัดจำนวนเงินผลประโยชน์ย่อยในหมวดความคุ้มครองค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
เมื่อเดินทางออกนอกประเทศไทยเป็นเวลาสูงสุด 90 วัน ติดต่อกัน ต่อการเดินทางหนึ่งครั้ง (ไม่คุ้มครองการเดินทางเพื่อไปทำการรักษาบาลในต่างประเทศโดยตรง)
สวัสดิการของประกันสุขภาพแผนนี้ สามารถเลือกให้เหมาะกับพนักงานได้ตามเหมาะสม ด้วยแผนประกันภัยที่เรามีให้คุณเลือกถึง 4 แผน
ความคุ้มครองสุขภาพของพนักงานภายในบริษัท ของประกันสุขภาพแบบกลุ่ม บริษัท AXA จะมีทั้งหมด 5 แผน โดยแต่ละแผนจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันแตกต่างกัน คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะเอาแผนประเภทไหน โดยแผนแต่ละแผนจะคุ้มครองทุกเรื่องที่กล่าวไป แต่จะได้ค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแล ค่าห้อง ค่าธรรมเนียม ที่แตกต่างกันไป
หากใครที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพกับทาง rabbit finance ก็สามารถทำได้ สะดวก รวดเร็ว แถมยังมีข้อเสนอให้เลือกอีกมากมาย เพื่อให้คุณได้ประกันสุขภาพที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด