ประกันภัยภาคธุรกิจ
สำหรับร้านค้า
ความคุ้มครองที่ออกแบบ
เพื่อร้านค้าของคุณโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนตัวของท่านปลอดภัยแน่นอน
ในสภาวะเศรษฐกิจอย่างเช่นในปัจจุบัน การทำธุรกิจร้านค้า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆ คนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำ ร้านขายยา ร้านหนังสือ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์และภาษา ร้านถ่ายรูป ร้านวิดีโอ ร้านเบเกอรี่ ร้านเสริมสวย ร้านซักรีด ร้านเสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะแน่นอนว่าเป็นธุรกิจทำเงินอยู่กับที่ โดยไม่ต้องออกไปหาลูกค้า เพียงแต่รอให้ลูกค้ามาหาแล้วนำเงินมาให้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ดี ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ประกันภัยสำหรับร้านค้าก็เช่นกัน เอาเป็นว่าเรามาดูกันดีกว่าว่า ลงทุนกับธุรกิจร้านค้าอย่างไร ถึงจะเป็นการดึงดูดลูกค้าได้ดี
ทำเล ถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจใดๆ ต้องคำนึงในหลายๆ ส่วนเช่น การเดินทาง ระยะทางใกล้-ไกล ความพลุกพล่านของผู้คน ตลอดจนถึงเรื่องที่จอดรถ ต้องมีพร้อมรองรับลูกค้าอย่างเหมาะสม ซึ่งบอกได้เลยว่าหลายๆ ร้านค้าที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็เกิดจากความผิดพลาดในเรื่องของทำเลนี่ละ
สินค้าราคาถูกหรือบริการราคาถูก ย่อมเป็นแรงจูงใจดึงดูดลูกค้าได้อย่างดี เพราะของถูก ของดี ยิ่งของฟรีใครๆ ก็ชอบ ดังนั้นหากราคาสินค้าหรือราคาบริการของร้านค้าคุณถูกกว่าที่อื่น รับรองได้ว่าต้องได้ลูกค้าแน่นแน่นอน
การรู้จัก เก็บเงิน ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เป็นสัดส่วนจะทำให้เรารู้ค่าใช้จ่ายของร้านโดยรวม ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่ไม่สมควรจะต้องเสีย เพื่อเป็นการควบคุมระเบียบการใช้เงินของร้านที่ดี
อีกหนึ่งการดึงดูดลูกค้า คือ การตกแต่งร้านให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าไปใช้บริการก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร้านค้าควรทำ เพราะใครๆ ก็คงอยากเห็นของสวยๆ งามๆ การสร้างความแตกต่างของการตกแต่งร้าน จึงนับได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ
จากที่กล่าวมาอาจเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการทำธุรกิจร้านค้าเท่านั้น เพราะในการลงทุนทำธุรกิจยังต้องมีหลักการอีกหลายอย่างเลยทีเดียว ซึ่งหากใครที่สนใจจะทำธุรกิจตัวนี้ก็ควรที่จะศึกษาให้รอบคอบก่อนจะลงทุนด้วยนะค่ะ
การประกันภัยแต่ละประเภทย่อมมีเงื่อนไข ข้อกำหนด ข้อจำกัดอยู่เป็นเรื่องปกติ ในส่วนของการทำประกันภัยสำหรับร้านค้าก็มีเช่นกัน เพราะด้วยมูลค่าของร้านค้าแต่ละประเภทไม่เท่ากัน การจะให้ความคุ้มครองทุกร้านค้าด้วยเงื่อไขเดียวกัน ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยละ
ประกันภัยสำหรับร้านค้า หมายถึง การทำประกันสำหรับธุรกิจร้านค้าที่พบได้โดยทั่วไป หรือร้านค้าที่ไม่ได้มีการผลิตแบบอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะป็น ร้านขายของ ร้านเบเกอรี่ ร้านเสริมสวย ร้านซักรีด ร้านเสื้อผ้า เป็นต้น จากตัวอย่างร้านค้าที่กล่าวมาจะเป็นร้านค้าที่อยู่ในระดับกลาง ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่ประกันภัยร้านค้ารับประกัน เราลองไปดูเงื่อนไขอื่นๆ ของกรมธรรม์สำหรับร้านค้ากันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
1. สิ่งปลูกสร้างที่เอาประกันภัยต้องเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เป็นคอนกรีต
2. จำนวนเงินที่เอาประกันต่อสถานที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท
3. ร้านค้าที่รับประกันตัวอย่างเช่น คลินิก ร้านขายยา ร้านหนังสือ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์และภาษา ร้านถ่ายรูป ร้านวิดีโอ ร้านเบเกอรี่ ร้านเสริมสวย ร้านซักรีด ร้านเสื้อผ้า เป็นต้น
4. ร้านที่ไม่รับประกันตัวอย่างเช่น โชว์รูมรถยนต์ ร้านค้าทองและอัญมณี สถานีบริการน้ำมันและก๊าซ เป็นต้น
เพราะแน่นอนว่า เงื่อนไขในการให้บริการของแต่ละบริษัทประกันภัยย่อมมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกดูกรมธรรม์ที่เหมาะสมตรงความต้องการของลูกค้า ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อประกันภัยสำหรับร้านค้าของตนเอง ก็ควรศึกษาดูเงื่อนไขการรับประกัน ตลอดจนเงื่อนไข ข้อยกเว้นอื่นๆ ด้วย เพื่อให้การเลือกซื้อประกันของลูกค้า เป็นไปอย่างเหมาะสมและได้เงื่อนไขที่มีประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด ถ้าหากลูกค้าไม่เข้าใจในเงื่อนไขของกรมธรรม์ ก็สามารถสอบถามตัวแทนประกันภัย หรือโบรกเกอร์ประกันภัยอย่าง rabbit finance ได้เสมอค่ะ
ความเสี่ยงหรือเหตุฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตลอด แถมเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเหตุนั้นๆ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นในการทำธุรกิจร้านค้า เพื่อเป็นการลดวามเสี่ยงที่เกิดขึ้นแล้ว ประกันภัยสำหรับร้านค้า จึงเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์นักธุรกิจทั้งหลายได้ดี เพราะการเปิดร้านค้าเองก็มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น
เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ หากเกิดเหตุการณ์ยุคข้าวยากหมากแพง ร้านค้า เป็นสิ่งหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก และส่วนมากแล้วธุรกิจร้านค้าก็จะมักพบจุดจบคำว่า เจ๊ง จากสภาพเศรษฐกิจนี่แหละ
ลูกจ้างพนักงานเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของร้านค้า เพราะการบริการคือส่วนหนึ่งที่จะใช้ดึงดูดลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นหากเกิดความผิดพลาดลูกจ้างได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ร้านค้าอาจจะมีปัญหาได้
สต็อกสินค้า คือสิ่งที่ร้านค้า จะต้องเตรียมไว้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ หากเกิดเหตุการณ์สต็อกของขาด อาจทำให้ร้านค้าได้รับผลเสียได้
ร้านค้าใดที่ยังเช่าพื้นที่ อาคารของผู้อื่นเพื่อดำเนินธุรกิจอยู่ หากเกิดความเสียหาย แล้วไม่มีเงินทุนในการดูแลรักษา อาจส่งผลให้ได้รับผลกระทบหรือมีปัญหากับเจ้าของอาคารที่ให้เช่าได้
ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากเกิดขึ้นแล้วรุนแรงธุรกิจร้านค้าคงจะได้รับผลกระทบไม่น้อย นอกจากรายได้จากร้านค้าจะไม่เข้า ยังจะต้องมาสูญเสียรายได้ไปกับผลกระทบจากภัยธรรมชาติด้วย
และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อม ป้องกัน คุ้มครองในความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านค้าที่ลูกค้าได้ทำอยู่ การทำประกันภัยสำหรับร้านค้าจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
เมื่อทราบเหตุผลไปแล้วว่าร้านค้าทำไมต้องทำประกันภัย ต่อไปเป็นในส่วนของความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับร้านค้าที่ลูกค้าจะต้องทราบ เพราะในส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากลูกค้าไม่พอใจและคิดว่าความคุ้มครองที่มียังไม่ครอบคุม ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ แต่ราคาค่าเบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นไปด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า ประกันภัยสำหรับร้านค้า มีความคุ้มครอง อย่างไรบ้าง
คุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยลมพายุ ภัยเนื่องจากน้ำ ภัยแผ่นดินไหว และภัยยวดยานพาหนะ อื่นๆ พร้อมเงินทดแทนการสูญเสียรายได้ กรณีเกิดความเสียหายจากไฟไหม้
คุ้มครองครอบคลุมความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในร้านค้าของคุณ
โจรกรรมที่ปรากฎร่องรอยงัดแงะ การชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ รวมถึงค่าซ่อมแซมตัวอาคารที่เสียหายจากการกระทำดังกล่าว
ชดเชยสำหรับบุคคลในครอบครัวที่เสียชีวิต ภายในสถานที่เอาประกันภัยเนื่องจากไฟไหม้ หรือจากการปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์
ความรับผิดตามกฎหมายอันเนื่องจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ของผู้เอาประกันภัย หรือความบกพร่องของสถานที่เอาประกันภัยทำให้ บุคคลภายนอกได้รับการบาดเจ็บหรือ เสียชีวิตหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
รับผิดชอบการสูญเสียเงินจากการชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
ให้ความคุ้มครองแม้กระทั่งส่วนที่ง่ายต่อความเสียหายอย่าง "กระจก"
ค่าเช่าที่พัก/ที่ทำการชั่วคราว อันเนื่องจากตัวอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจได้รับความเสียหายจากการประกันอัคคีภัย
ทั้งนี้ความคุ้มครองที่ให้ของแต่ละ บริษัทประกันภัย อาจจะมีความแตกต่างกันทั้งให้ส่วนของความคุ้มครองหลักและความคุ้มครองที่สามารถซื้อเพิ่มเติม ก่อนที่ลูกค้าจะซื้อกรมธรรม์ใดๆ ก็ควรที่จะศึกษาหาข้อมูลของกรมธรรม์ให้ดี ให้รอบครอบเสียก่อนว่ากรมธรรม์ที่ได้รับ มีความสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ธุรกิจร้านค้าของคุณประสบอยู่หรืออาจประสบได้หรือไม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเลือกซื้อกรมธรรม์ของลูกค้าเอง
โบรกเกอร์ประกันภัย คือ การรวมกลุ่มกันของนายหน้าประกันภัยขึ้นเป็นบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัย ซึ่งทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาข้อมูลและเรื่องการประกันภัยให้กับลูกค้าผู้ที่ต้องการทำประกันภัย ซึ่งโบรกเกอร์ประกันภัยนั้น จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฏหมายและมีความรู้ด้านการประกันภัย จึงสามารถเป็นเสมือนตัวแทนและที่ปรึกษาของผู้ที่ต้องการทำประกันภัยได้เป็นอย่างดี
ซึ่งหลายคนคงจะเคยประสบเหตุการณ์ถูกเหล่าโบรกเกอร์หลอกหรือโกง เพราะสมัยนี้ธุรกิจการทำประกันได้รับความนิยมอย่างสูง เหล่ามิจฉาชีพจึงจะอาศัยช่วงจังหวะนี้ เข้ามาสวมลอยหลอกลวงลูกค้าได้ ดังนั้นการหาโบรกเกอร์ประกันภัยที่ดีและไว้ไจได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่า rabbit finance คือโบรกเกอร์ที่จะช่วยเหลือเรื่องประกันกับคุณได้ หากคุณยังสงสัยว่าทำไม่ต้องเลือก rabbit finance เรามีเหตุผลให้ค่ะ
1. เป็นบริษัทในเครือ BTS Group ซึ่งเป็น 1 ใน 50 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในไทย
2. แน่นอนว่าลูกค้าสามารถสอบถามบุคคลที่มีหน้าที่ดูแลลูกค้าได้ ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อประกันภัยนั้น ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล รวมถึงใบอนุญาต ตัวแทนการขายประกัน ได้เลย
3. ได้รับใบอนุญาตที่ออกโดย คปภ. ซึ่งแน่นอนว่าเป็นโบรคเกอร์ที่เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ
4. อีกทั้งมีการบริการที่ครอบคุมเข้าถึงง่ายเพราะ rabbit finance มีพนักงานคอยรับสาย บริการสำหรับลูกค้าที่มีข้อสงสัย หรืออยากซื้อกรมธรรม์
5. ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย Omise ที่ถือว่าเป็นระบบที่ดีเยี่ยมซึ่งรับรองได้ว่าข้อมูลทุกอย่างของลูกค้าจะเป็นความลับแน่อน
เห็นไหมว่า rabbit finance มีความน่าเชื่อถือซึ่งสามารถตรวจสอบได้ใน คปภ. และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ลูกค้าสมควรที่จะเลือกซื้อประกันผ่าน rabbit finance คือ ราคาค่าเบี้ยประกันที่รับรองได้เลยว่า "ลูกค้าจะได้ซื้อประกันในราคาที่ถูกที่สุดแน่นอน"
ขอบคุณสำหรับการติดตามเรา
เงื่อนไขการรับส่วนลดเป็นไปตามที่ rabbit finance กำหนด
ข้อมูลส่วนตัวของท่านปลอดภัยแน่นอน