เชื่อว่าสำหรับใครที่ทำประกัน ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันอื่นใด คงยังมีข้อสงสัย รวมถึงข้อสงสับที่ว่า ประกันที่เราทำลดหย่อนภาษีได้ไหม?? ซึ่งแน่นอนว่าย่อมทำได้เพียงแต่ สิทธิลดหย่อนภาษี สามารถใช้ได้กับประกันและกองทุนบางประเภท ดังนี้
1. ลดหย่อนส่วนบุคคล
เป็นสิทธิที่ผู้เสียภาษีทุกคนสามารถใช้ได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ซึ่งในปี พ.ศ. 2560 เราสามารถใช้สิทธิลดหย่อนส่วนบุคคลได้ถึง 60,000 บาทเลยทีเดียว
2. เบี้ยประกันชีวิต
สำหรับผู้ที่ทำประกันชีวิต สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่มีกรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนภาษีได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท ในส่วนเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็สามารถนำมาลดหย่อนได้ด้วยเช่นกัน โดยคิดตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท
3. เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา
เราสามารถใช้เบี้ยประกันสุขภาพของคู่สมรสหรือ บิดา-มารดา ในการหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริงเท่าที่จ่าย แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไขกำหนดว่าคู่สมรสหรือ บิดา-มารดา ต้องมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท
4. เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงินจ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท และไม่เกิน 15% ของรายได้ จะได้รับการยกเว้น ไม่นับรวมในเงินได้ที่ต้องเสียภาษี
5. ซื้อกองทุนรวม(RMF)
เงินที่จ่ายเพื่อซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีในปีนั้นๆ ทั้งยังมีข้อจำกัดเพิ่มเติมคือ เมื่อนับรวมกับสิทธิ์ในการหักลดจากเบี้ยประกันชีวิตและกองทุนอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
6. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
สามารถนำมาลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษี แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นประกันชีวิต ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ที่ให้ผลตอบแทน(บำนาญ) ตั้งแต่อายุ 55-85 ปีขึ้นไป ทั้งยังมีข้อจำกัดเพิ่มเติมคือ เมื่อนับรวมกับสิทธิ์ในการหักลดกองทุนอื่น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ที่กล่าวมาอาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของรายการที่สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ยังมีอีกหลายรายการ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อกรมธรรม์หรือกองทุนใด ควรศึกษาข้อมูลให้ดีและวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างรอบคอบอีกด้วย
ปัจจุบันในยุคที่ต้องพึ่งพาตัวเอง เอาแน่นเอานอนกับเศรษฐกิจไม่ได้แบบนี้ หากมีหนทางหรือวิธีการใดที่จะสามารถช่วยลดหรือประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ หลายๆ คนก็คงที่จะเลือกทำ แต่จะดีกว่าไหมถ้าได้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังจะเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่างการทำประกันชีวิต ซึ่งหากใครยังมีข้อสงสัยเรามาดูกันดีกว่าว่า การตัดสินใจซื้อประกันชีวิตเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองและยังได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี มีเงื่อนไขสำคัญอะไร และมีประกันชีวิตแบบใดบ้างที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้บ้าง
เบี้ยประกันชีวิตกับการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี
เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันชีวิตในแบบบำนาญ สามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ได้ดังนี้
เบี้ยประกันชีวิต
เราจะสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตของเรามาหักลดหย่อนภาษีได้ ถ้าเข้าครบเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้
- กรมธรรม์ประกันชีวิตมีระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย
- ถ้ามีการจ่ายเงินคืนเงินปันผลหรือผลตอบแทนระหว่างสัญญา จะต้องได้รับเงินคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี กรณีถ้าได้รับเงินคืนตามช่วงระยะเวลา เช่น จ่ายคืนทุก 3 ปี หรือ 5 ปี ยอดเงินคืนจะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมของแต่ละช่วงระยะเวลา และกรณีอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมา ผลรวมของเงินคืนตั้งแต่ปีแรกถึงปีที่มีการจ่ายเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันสะสมในช่วงนั้นๆ
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
- มีกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญกำหนดเวลา ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- มีกำหนดการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ
- มีการกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์
- ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้ว ก่อนได้รับผลประโยชน์
แต่ถ้าผู้เอาประกันภัยทำผิดเงื่อนไข เช่น เลิกสัญญาฯ หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนจะถือครบ 10 ปี (ไม่ว่าจะโดยความตั้งใจหรือเหตุสุดวิสัยอื่น เช่น ทุพพลภาพ) ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนจากเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก และมีผลย้อนหลังไปถึงการใช้สิทธิลดหย่อนในอดีตด้วย
โครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5 จาก เมืองไทยประกันชีวิต คือ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพที่คุณสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน จนถึง อายุ 70 ปี ซึ่งให้ความคุ้มครองชีวิต จนครบอายุ 90 ปี ด้วยการจ่ายค่าเบี้ยประกันแค่ 5 ปี เท่านั้น คุณก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่เลยค่ะ
นอกเหนือจากความคุ้มครองของ โครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5 จาก เมืองไทยประกันชีวิต ที่สร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยในชีวิตของคุณ และผู้ที่ต้องการมีหลักประกันความคุ้มครองชีวิต ให้คนในครอบครัว แต่ที่พิเศษไปกว่าความคุ้มครองชีวิตก็คือ โครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5 สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ด้วยเช่นกันค่ะ
สิทธิการหักลดหย่อนภาษี จาก โครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5
การหักลดหย่อนภาษี ก็คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เสียภาษีน้อยลง หรือเพื่อบรรเทาเรื่องค่าใช้จ่าย ก่อนนำเงินที่ต้องเสียภาษีหรือที่เรียกว่า เงินได้สุทธิ นำไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ซึ่งรายการที่สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้มีดังนี้
- ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ
- ค่าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว
- ค่ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
หากใครที่ทำประกันชีวิต โครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5 ซึ่งเป็น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ โดยให้ความคุ้มครองชีวิต นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์จนครบอายุ 90 ปี เราสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคุ้มค่า 2 ต่อ ที่ผู้เอาประกันชีวิตจะต้องได้รับค่ะ
นอกจากคุณจะได้รับความคุ้มครองและสิทธิลดหย่อนภาษีเเล้ว ประโยชน์ทางอ้อมของโครงการเมืองไทย ตลอดชีพ 90/5 ช่วยสร้างนิสัยการออมเงินเพื่อลูกหลาน รวมทั้งคุณยังมีเงินเก็บเป็นของตัวเองด้วยค่ะ
คำเตือน : ผู้ซื้อประกันชีวิต ควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ทั้งความคุ้มครองและเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งค่ะ
การออมเงิน เป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตของคนเราเพราะ หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงิน แต่ไม่มีเงินออมเลย คุณอาจได้ตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน ดังนั้นหากมีหนทางในการดูแลตัวเองและยังเป็นการออมด้วยจึงถือเป็นเรื่องที่ดี และยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย สิ่งที่กล่าวมานั่นคือ การทำประกัน Super Saving
สิ่งที่จะได้จากการซื้อประกันออมทรัพย์
- การใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
- ผลประโยชน์ที่ได้รับเมื่อครบกำหนดสัญญา
- ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์
ความคุ้มครอง
- รับความคุ้มครองชีวิตยาวนานและสูงถึง 145% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา
- ได้รับยกเว้นการชำระเบี้ยกรณีตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร
- ทำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี
ข้อกำหนดและเงื่อนไขของประกัน
(1) เป็น % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา
(2) เฉพาะเบี้ยประกันชีวิตของโครงการนี้เท่านั้นที่ สามารถ นำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 30 ธ.ค.51
(3) กรณีผู้เอาประกันภัย (สำหรับอายุรับประกันภัย 15 - 59 ปี) ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดโรคภัยจนกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร โดยพิสูจน์ได้ว่าเกิดการทุพพลภาพขึ้น ระหว่างครบรอบปีกรมธรรม์ ที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยจะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และบริษัทฯ ได้รับหลักฐานการพิสูจน์โดยครบถ้วนแล้ว บริษัทฯ จะยกเว้นการชำระเบี้ยประกันชีวิตของแบบประกันภัยเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟวิ่ง 14/7 ที่ครบกำหนดชำระในระหว่างทุพพลภาพ จนถึงสิ้นสุดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย
(4) เป็นตัวอย่างของผู้เอาประกันภัย เพศหญิง อายุ 30 ปี สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ขั้นอาชีพ 1 ซื้อประกันชีวิตที่จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
หมายเหตุ
- โครงการเมืองไทย Super Saving 14/7 เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัย เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟวิ่ง 14/7
- เงื่อนไขและข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์
- การพิจารณารับประกันเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
ความสมบูรณ์ของสัญญาประกันภัย
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จหรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยในความจริงนั้นให้บริษัทฯ ทราบในขณะขอเอาประกันภัยซึ่งถ้าบริษัทฯ ทราบข้อความจริงนั้นๆแล้ว อาจจูงใจบริษัทฯ ให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ซึ่งบริษัทฯ อาจบอกล้างสัญญาได้และไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์
คำเตือน :
*ผู้สนใจควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง และเมื่อได้รับกรมธรรม์แล้ว โปรดศึกษารายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขกรมธรรม์
เพราะปัจจุบันเรายังคงใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะทั้งการดำเนินชีวิต สุขภาพ หรือแม้แต่การเงิน แต่ใครล่ะจะคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยลดความไม่แน่นอนตรงนี้ได้ คือ การทำประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญ แบบออมทรัพย์ หรือแบบการออมระยะสั้น อย่าง Smart Return 10/5 ของเมืองไทยประกันชีวิต
Smart Return คือ ประกันชีวิตที่จะช่วยออมในระยะสั้น แต่ได้รับเงินจ่ายคืนทุกปี สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ที่สำคัญ สมัครง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องตรวจและไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจาก Smart Return 10/5
- รับเงินจ่ายคืนทุกปีตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 9 ปีละ 6% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา
- คุ้มครองยาวนานถึง 6 ปีและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
- สมัครได้โดยไม่ต้องตรวจและไม่ต้องตอบปัญหาเรื่องสุขภาพ
เงื่อนไขการสมัครเบื้องต้น Smart Return 10/5
- ระยะเวลาเอาประกันภัย 10 ปี
- ระยะเวลาจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 5 ปี
- อายุรับประกันภัย 1 เดือน - 65 ปี
- จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 20,000 บาท
และที่ขาดไม่ได้ ไม่พูดถึงก็ไม่ได้อีกเช่นกัน กับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่จะให้ผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์จากการซื้อประกันอย่างสูงสุด แน่นอนสำหรับเอาประกันภัยคือสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปคำนวณลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย จึงเห็นได้ว่าการทำประกันไม่เพียงแต่จะเป็นการดูแลตนเอง การออมเงิน หรือตลอดจนการออมเงินเพื่อลูกหลานแล้ว ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวได้ดีอีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งหากใครที่สนใจในกรมธรรม์ Whole Life 90/7 Super Saving 14/7 หรือ Smart Return 10/5 รวมถึงใครที่ยังมีข้อสงสัยในกรมธรรม์สามารถสอบถามได้ที่ rabbit finance โบรกเกอร์ประกันภัยที่คนไทยไว้วางใจ
ข้อกำหนดและเงื่อนไขของประกัน
(1) เป็น % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา
(2) ตัวอย่างผู้เอาประกันภัย เพศหญิง อายุ 30 ปี สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ขั้นอาชึพ 1 ซื้อประกันชีวิตที่จำนวนเงินเอาประกันภัย 20,000 บาท
(3) เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 51
หมายเหตุ
- เฉพาะเบี้ยประกันชีวิตของโครงการนี้เท่านั้นที่ สามารถ นำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 51
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
ความสมบูรณ์ของสัญญาประกันภัย
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จ หรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้น ให้บริษัทฯ ทราบในขณะที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งถ้าบริษัทฯ ทราบข้อความจริงนั้นๆ แล้ว อาจจูงใจบริษัทฯ ให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ซึ่งบริษัทฯ อาจบอกล้างสัญญา และไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์
คำเตือน :
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตที่ให้ผลประโยชน์ดีๆ ยามเกษียณ แถมยังใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วยฟังทางนี้ เพราะประกันชีวิตจากเมืองไทยประกันชีวิต จัดให้คุณแล้วกับ Smile Retirement ประกันชีวิตแบบบำนาญลดหย่อนภาษีได้ เป็นการสะสมทรัพย์ระยะยาว เพื่อใช้เป็นหลักประกันชีวิตวัยเกษียณว่าสภาวะทางการเงินของคุณจะไม่ฝืดเคือง มีเงินใช้ชีวิตได้โดยไม่ลำบากใคร ด้วยผลประโยชน์ที่คุ้มค่าหลังจากเกษียณอายุ
ความคุ้มครองของประกัน Smile Retirement
เชื่อเถอะว่าหากคุณต้องการความมั่นคงในชีวิตเกษียณประกัน Smile Retirement เป็นแบบประกันที่ตอบโจทย์มาก เรามาดูในเรื่องของความคุ้มครองในตัวประกันก่อนดีกว่า
1. ก่อนเกษียณรับความคุ้มครองชีวิต สูงสุดถึง 250% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา ณ ปีกรมธรรม์ที่ครบอายุ59-60ปี
2. หลังเกษียณรับเงินบำนาญหลังเกษียณปีละ 12% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา ตั้งแต่อายุครบ 60-85 ปี
3. สามารถนำไปใช้สิทธิ หักลดหย่อนภาษีได้
การใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีกับประกัน Smile Retirement
เพราะประกัน Smile Retirement เป็นอีกหนึ่งประกันชีวิตแบบบำนาญจึงสามารถที่จะใช้ลดหย่อนภาษีได้และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 15% ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษี แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งทั้งนี้ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆในการใช้สิทธิเพื่อหักลดหย่อนภาษีนั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์กรมสรรพากร ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อกรมธรรม์เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ข้อกำหนดและเงื่อนไขของประกัน
(1) เบี้ยประกันชีวิตของแบบประกันภัยนี้ สามารถ นำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับ 194 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 28 ก.พ. 54 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(2) เป็นตัวอย่างของผู้เอาประกันภัย เพศหญิง อายุ 20 ปี สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ขั้นอาชึพ 1 ซื้อประกันชีวิตที่ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท
(3) เป็น % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา
(4) ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงก่อนที่จะได้รับเงินบำนาญครบ 15 ปี บริษัทฯ จะรับรองการจ่ายเงินเป็นจำนวนเดียว ซึ่งเท่ากับมูลค่าปัจจุบันของจำนวนเงินบำนาญที่ยังไม่ได้จ่ายจนครบ 15 ปี (ตามวิธีการคำนวณที่ระบุไว้ในกรมธรรม์)
หมายเหตุ
- โครงการเมืองไทย Smile Retirement เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัย เมืองไทย 8560 จี15 (บำนาญแบบลดหย่อนได้)
- กรณีผู้เอาประกันภัยได้รับเงินบำนาญแล้ว จะไม่สามารถเวนคืนกรมธรรม์ได้
- เงื่อนไขและข้อยกเว้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
ความสมบูรณ์ของสัญญาประกันภัย
ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จ หรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้นให้บริษัทฯ ทราบในขณะที่ขอเอาประกันภัย สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะ บริษัทฯ อาจบอกล้างสัญญาและไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์
คำเตือน :
*ผู้สนใจควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง และเมื่อได้รับกรมธรรม์แล้ว โปรดศึกษารายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขกรมธรรม์