การเตรียมตัวก่อนการแต่งงาน
งานแต่งงาน ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญของคู่รักทั้ง 2 ท่าน ซึ่งเป็นงานที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต แน่นอนว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวมือใหม่ บางท่าน อาจยังไม่ทราบวิธีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าพิธีแต่งงาน รวมไปถึงกระบวนการจัดเตรียมงานแต่งงานที่มีหลากหลายขั้นตอน และต้องจัดให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียม เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตคู่ เมื่อเตรียมงบประมาณสำหรับงานแต่งงาน และ เตรียมความพร้อมด้านการเงิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คู่บ่าว-สาว ควรเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงมีดังต่อไปนี้
สิ่งที่ต้องเตรียมช่วง 3 เดือน ก่อนงานแต่งงาน
- ปรึกษาญาติผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่ายถึงรายละเอียดในการจัดงานแต่งงาน
- ตรวจสุขภาพคู่รักทั้ง 2 ท่าน
- ทำการติดต่อจองสถานที่จัดงานและหาผู้จัดงานที่ชอบเพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยง
- เตรียมชุดแต่งงานคู่บ่าว – สาว ที่ถูกใจที่สุด
- ติดต่อช่างตกแต่งสถานที่และช่างจัดดอกไม้
- ลิสท์รายชื่อแขกผู้ร่วมงานเพื่อเตรียมจัดส่งการ์ดเชิญ รวมไปถึงของที่ระลึกให้พอจำนวนคน
- ซื้อแหวนหมั้น แหวนแต่งงาน เตรียมเอาไว้
- ติดต่อช่างภาพสำหรับงานแต่งงาน
- ติดต่อพิธีกรสำหรับดำเนินงานแต่ง
- ติดต่อวงดนตรีหรือศิลปินเพื่อมาแสดงในงานเลี้ยง
สิ่งที่ต้องเตรียมช่วง 2 เดือนก่อนงานแต่งงาน
- แจกการ์ดเชิญมางานแต่งงาน
- สั่งโต๊ะ เก้าอี้ และเต็นท์กลางแจ้ง เพื่อรองรับจำนวนแขกที่มาร่วมงาน
- จัดเตรียมของสำหรับเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว
- เลือกรายการอาหารที่จะสั่งทำมาจัดเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงาน
- ทดลองแต่งหน้า และสวมชุดแต่งงานเพื่อดูว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่
- เรียนเชิญผู้ใหญ่ที่จะมาอวยพร
- ตรวจดูเครื่องประดับให้พร้อมใช้งาน
สิ่งที่ต้องเตรียมช่วง 1 สัปดาห์ก่อนงานแต่งงาน
- ตรวจเช็คความเรียบร้อยของฝ่ายต่างๆ อีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด
- เตรียมเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ให้ครบถ้วน
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
- ทำจิตใจให้พร้อม
- อย่าลืม บันทึกค่าใช้จ่าย และไม่ใช้จ่ายจนเกินงบที่ตั้งเอาไว้ในตอนแรก
เพราะการแต่งงานเป็นเพียง จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตในบทใหม่ๆ ดังนั้นจึงมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาก โดยการจัดเตรียมงานแต่งงานนั้นเป็นโอกาสสำคัญที่ต้องจัดทำขึ้น โดยใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก ในโอกาสนี้นอกจากคู่รักจะต้องวางแผนจัดหาฤกษ์งามยามดีในการจัดงานแต่งงานแล้ว
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การวางแผนการเงินให้เป็นระบบและรอบคอบ เพื่อให้การแต่งงานนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เข้ามารบกวนให้ต้องเกิดเหตุที่ต้องกังวลใจ ซึ่งรายจ่ายที่จำเป็นสำหรับงานแต่งงาน หลักๆ จะมีดังต่อไปนี้
ค่าสินสอด
สินสอด เป็นปัจจัยสำคัญของการจัดงานแต่งงาน โดยตามประเพณีแล้วครอบครัว ฝ่ายชายจะมีเงินสินสอดให้แก่ครอบครัวของฝ่ายหญิง ซึ่งฝ่ายชายก็ควรมีการพูดคุยกับครอบครัวของฝ่ายหญิงให้เข้าใจว่าเรียกเงินสินสอดเป็นจำนวนเท่าใด หรืออีกวิธีหนึ่งคือฝ่ายชายแจ้งครอบครัวฝ่ายหญิงไปเลยว่ามีกำลังจ่ายไหวได้ถึงจำนวนเท่าใด และหลังจากที่ทราบจำนวนเงินสินสอดเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อมาก็คือ ต้องหาเงินก้อนมาให้ได้ เพื่อให้มีจำนวนเงินมากพอที่จะนำไปจ่ายค่าสินสอด ซึ่งเงินก้อนนี้มีความสำคัญมากเพราะเป็นเงินก้อนแรกที่จะนำมาวางต่อสาธารณชนในวันจัดงานแต่งงาน โดยเงินก้อนนี้สามารถได้มาด้วย วิธีการเก็บออมเงิน หรือ การกู้ยืมสินเชื่อ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
การจัดงานแต่งงาน
เมื่อมีเงินสินสอดแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ การจัดเตรียมจัดงานแต่งงาน โดยในขั้นตอนนี้คู่รักทั้ง 2 ท่าน ต้องเป็นฝ่ายจัดเตรียมงบประมาณในการจัดงาน ซึ่งงบประมาณก็จะมีตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน
ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดงบบานปลายหรือรายจ่ายที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ที่ต้องใช้เงินไปกับการจัดการแต่งงาน(ตามประเพณีไทย) ก็คือ
- ค่าใช้จ่ายขั้นจัดเตรียม เช่น ค่าดูฤกษ์ยาม ค่าพิมพ์การ์ดเชิญ ค่าถ่ายภาพ Pre-wedding ค่าของที่ระลึกสำหรับแขกผู้มาร่วมงาน
- ค่าใช้จ่ายพิธีการ เช่น ค่าเช่าสถานที่จัดงาน ค่าชุดพิธีการ ค่าของหมั้น ค่าช่างแต่งหน้า ทำผมคู่บ่าว-สาว ค่าทำพิธีกรรมทางศาสนา
- ค่าใช้จ่ายงานเลี้ยง เช่น ค่าโต๊ะจีน หรือค่าอาหารจัดเลี้ยงแขก ค่าชุดแต่งงาน ค่าของประดับตกแต่งงาน ค่านักร้อง นักดนตรีที่มาสร้างสีสันในงาน และค่าอุปกรณ์ประกอบเวทีงานต่างๆ
ทั้งนี้ คู่รักจะต้องตกลงความต้องการให้ดี เพื่อที่จะได้วางแผนด้านการเงินได้อย่างถูกต้องและใช้เงินไปกับสิ่งที่ต้องการจริงๆ
ค่าใช้จ่ายหลังงานแต่งงาน
เป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นเงินที่จะต้องใช้ในอนาคต ที่จะมาถึงหลังงานแต่งงานสิ้นสุดลง เพราะเงินก้อนนี้คือเงินที่ต้องใช้ในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ท่านจำเป็นต้องใช้เงินในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน และการบริหารเงินที่มีร่วมกัน
ดังนั้น การสร้างวินัยในการออมเงิน ก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง หรือการกู้ยืม สินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อการแต่งงานก็สามารถช่วยผ่อนภาระตรงนี้ได้ในระยะเวลาหนึ่งด้วย ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารเงินของคู่รักแต่ละคู่ว่าจะบริหารเงินกันอย่างไร
การแต่งงาน เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการมีคนอีกหนึ่งคนเข้ามาเป็นคู่ชีวิต ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่เฒ่า แน่นอนว่าในการดำเนินชีวิตของคนที่เป็นคู่ชีวิตกันนั้น นอกจากความรัก ความผูกพันซึ่งกันและกันแล้ว ต้องมี “เรื่องเงิน” เป็นปัจจัยหลัก ตั้งแต่ขั้นตอนการสู่ขอ การจัดงานแต่งงาน ไปจนถึงทุนทรัพย์ในการใช้ชีวิตร่วมกันเช่น เรือนหอ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในกรณีแบบนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการแต่งงาน สามารถแบ่งเบาภาระของคุณลงได้
สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการแต่งงาน หรือ สินเชื่อเพื่อโอกาสสำคัญ เป็นประเภทหนึ่งของ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสินเชื่อที่ผู้ขอสามารถกู้ยืมและรับเงินก้อนมาเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในโอกาสต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของตนเอง โดยจำนวนสินเชื่อที่สามารถขอกู้ยืมได้จะอยู่จำนวนประมาณ 5 เท่า ของเงินเดือนของผู้ขอกู้
ข้อดีของการขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคล
ข้อดีของการขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคล ก็คือการที่ผู้ขอสินเชื่อไม่จำเป็นต้องมีบุคคลเข้ามาค้ำประกัน หรือไม่ต้องนำหลักทรัพย์ / ทรัพย์สินส่วนตัว เข้ามาใช้ใน การค้ำประกัน และ สินเชื่อส่วนบุคคล ยังเป็นสินเชื่อที่ผู้กู้สามารถกำหนดระยะเวลากู้ได้แน่นอน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่คงตัว ไม่มีการแปรผัน และการชำระรายเดือนที่มีจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อนั้น ก็จะใช้เวลาที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าสินเชื่อแบบอื่นๆ โดยปกติจะใช้เวลาเพียง 5 – 10 วันทำการ หรือสูงสุดไม่เกิน 2 สัปดาห์ (14 วัน)
โดยการขอกู้ สินเชื่อส่วนบุคคล ผู้ขอกู้สามารถทำเรื่องขอกู้เป็นเงินสดหรือไม่ใช่เงินสดก็ได้ อาจจะเป็นการขอกู้เป็นสิ่งของที่มีความจำเป็นต้องใช้ได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่นการซื้อสินค้าด้วยการใช้ บัตรผ่อนสินค้า ที่มีอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างสูง
การกู้ยืมสินเชื่อส่วนบุคคล
การขอสินเชื่อส่วนบุคคล ในกรณีนี้คือขอสินเชื่อเพื่อการแต่งงาน ก็คือการไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั่นเอง โดยจะมีข้อตกลงคือระยะเวลาในการผ่อนชำระคืนเป็นงวดๆ ซึ่งข้อได้เปรียบของผู้กู้คือการไม่ต้องมีอะไรมาใช้ค้ำประกัน แต่ในเรื่องของดอกเบี้ยจากสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น ก็จะมีอัตราที่ค่อนข้างสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิด หนี้เสีย ที่จะเกิดขึ้นกับธนาคาร
อย่างไรก็ตามการขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการแต่งงานนั้น ก็เป็นการกู้เงินที่มีผลดีมากกว่าการใช้ บัตรเครดิต (ในกรณีนี้) แม้อัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่า แต่ผู้กู้จะสามารถกำหนดจำนวนเงินในการชำระเงินคืนเป็นรายเดือนได้ ว่าจะชำระงวดละเท่าใด ทำให้ง่ายต่อการวางแผนอนาคต
สำหรับการแต่งงาน เป็นโอกาสสำคัญของคู่รักหลายๆ คู่ ซึ่งในกระบวนการจัดเตียมงานแต่งงานนั้นต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย และแน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญในการจัดงานแต่งงานและการดำรงชีวิตคู่ต่อไปในอนาคตนั้น นอกจากความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันระหว่างคู่รักแล้ว เรื่องเงินที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน ซึ่งถ้าหาก เงินที่ได้จากการเก็บออม เพื่อการแต่งงานนั้นมีไม่พอหรือจำเป็นต้องหา ตัวช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องเงิน เข้ามาช่วยในช่วงเริ่มต้นของชีวิตคู่ การขอสินเชื่อเพื่อการแต่งงาน ก็สามารถเข้ามาช่วยได้ โดยคู่รักที่สนใจจะขอสินเชื่อนี้จะต้องเตรียมการดังต่อไปนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดเงินฝาก
- สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (Statement)
- สำเนาหลักฐานการมีรายได้ / สลิปเงินเดือน
คุณสมบัติของผู้กู้
- เป็นบุคคลธรรมดาที่บรรลุนิติภาวะแล้ว และมีความสามารถที่จะทำนิติกรรมได้
- เป็นบุคคลผู้มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่งและสามารถติดต่อได้
- เป็นบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาท) ขึ้นไป
- มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่มีพฤติกรรมค้างชำระหรือ ประวัติไม่ชำระหนี้ตามตกลง
ทั้งนี้ สถาบันการเงินส่วนมากจะมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ มักจะเรียกกันว่า หลัก 6 C ซึ่งมีดังต่อไปนี้
-
Character หรือ Credit Reputation
เป็นการวิเคราะห์ควาพร้อมของผู้กู้ โดยจะวิเคราะห์จาก วินัยการใช้และการชำระสินเชื่อ ความสามารถในการจัดการกับสินเชื่อ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ทางการเงิน
ความสามารถในการชำระหนี้คืนในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์ได้แก่ หน้าที่การงาน อายุการทำงาน รายได้ ซึ่งเหล่านี้จะแสดงถึงความมั่นคงของรายได้ ที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต
สถาบันการเงินจะพิจารณาเงินทุนหรือสินทรัพย์ของผู้ขอกู้ในขณะที่กำลังพิจารณาสินเชื่อนั้นๆ เพราะแหล่งเงินทุนนี้จะเป็นแหล่งเงินสำรองสำหรับการชำระหนี้ของผู้กู้ในกรณีที่เกิดปัญหากับรายได้ของผู้กู้
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรายได้ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ อาชีพ หรือเงื่อนไขในการกู้ ซึ่งจะมีผลต่อการชำระหนี้
คือหลักประกันที่เป็นทรัพย์สินซึ่งผู้กู้จะนำมาจำนำ หรือจำนอง (ตามข้อตกลงของสินเชื่อแต่ละรูปแบบ) เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินว่าผู้ขอสินเชื่อจะนำเงินมาชำระหนี้ตามกำหนด
คือ ปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้ในการ พิจารณาสินเชื่อ ดูว่าจุดประสงค์ของการขอสินเชื่อนั้นมีความสมเหตุสมผล และจะไม่เป็นการก่อร่างสร้างหนี้จนเกินตัว
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมีความคิดที่จะ กู้ยืมสินเชื่อเพื่อการแต่งงาน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินไหนดี? ทาง rabbit finance ขอแนะนำ บริการเปรียบเทียบสินเชื่อ ให้คุณได้ เลือกสินเชื่อจากสถาบันการเงินชั้นนำ ได้อย่างหลากหลาย และสามารถดูข้อได้เปรียบ – เสียเปรียบ ดูอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละแบบ ได้ทันทีผ่านการเปรียบเทียบในระบบ มาดูกันว่าสิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อเปรียบเทียบสินเชื่อกับ rabbit finance มีอะไรบ้าง
เปรียบเทียบสินเชื่อ กับ rabbit finance
rabbit finance ได้มีการคัดสรรเอาข้อเสนอและเงื่อนไขจากสถาบันการเงินต่างๆ มาเพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับความคุ้มค่าที่สุด และยังมีการ ดำเนินการอนุมัติสินเชื่อ ที่มีความรวดเร็ว เป็นระบบ โดยที่ลูกค้าของเราไม่ต้องเหนื่อยและเสียเวลาไปกับการยื่นเรื่องหรือจัดการเอกสารเล็กน้อยเรื่องสินเชื่ออีกต่อไป ทางเราจะเป็นผู้จัดการเรื่องเหล่านี้ให้คุณเอง
ด้วยบริการ สินเชื่อจาก rabbit finance ที่จะเข้ามาช่วยเหลือคุณ ให้การขอสินเชื่อที่ใครๆ ก็มองว่ายุ่งยากและวุ่นวายให้กลายมาเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและสะดวก คุณเองก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยบริการด้านการเงินต่างๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่คุณ ดังนี้
- ข้อเสนอสุดพิเศษจาก บัตรกดเงินสด และ สินเชื่อส่วนบุคคล
- เงื่อนไขและรายละเอียดของสินเชื่อ
- เงื่อนไขและรายละเอียดของอัตราดอกเบี้ย
- ค่าธรรมเนียมทั้งหมดของสินเชื่อ
- โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า rabbit finance
บริการที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ จาก rabbit finance
สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เข้าใจระบบการเปรียบเทียบหรือตัดสินใจเลือกสินเชื่อแบบที่ต้องการไม่ได้ ทาง rabbit finance ก็ได้รับทราบและเข้าใจถึงปัญหานี้ของลูกค้าเป็นอย่างดี จึงได้มีบริการ ผู้เชี่ยวชาญออนไลน์ เพื่อให้คุณได้ปรึกษาเรื่องสินเชื่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ที่จะให้คำแนะนำแก่คุณว่าสินเชื่อแบบไหนที่เหมาะสมกับคุณที่สุด เพื่อให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการขอสินเชื่อครั้งนี้
และข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับอย่างดี ด้วยระบบ Omise ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานในระดับสากลคุณสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บรักษาด้วยระบบป้องกันอย่างดีจะไม่ถูก โจรกรรมทางอินเทอร์เน็ต หรือมีการรั่วไหลของข้อมูลไปยังบุคคลไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน รวมไปถึงระบบการทำธุรกรรมทางการเงินที่จะมีการดำเนินการผ่านช่องทางที่เชื่อถือได้ เช่นธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป