สินเชื่อบัตรกดเงินสดอนุมัติง่าย ที่นี่
อนุมัติไวกว่าสินเชื่อ
ผ่อน 0% ได้นานกว่าบัตรเครดิต
บัตรกดเงินสด หรือ สินเชื่อเงินสด คือ ผลิตภัณฑ์จากสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ พิจารณาออกให้ โดยวงเงินหรือจำนวนเงินสูงสุดที่ได้รับ จะขึ้นอยู่กับรายได้เฉลี่ยในแต่ละเดือนของผู้สมัคร โดยที่ไม่ต้องมีเงินฝากในบัญชี และไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเบิกถอน แม้ว่าคุณจะเบิกถอนเงินสดออกมา ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
เปรียบเทียบแล้ว จะแตกต่างจากบัตรเครดิตตรงที่ เราได้เงินสดออกมาใช้งานทันที แต่บัตรเครดิต จะมีสถาบันการเงินจ่ายให้ก่อน ผ่านการรูดซื้อในบัตร
นอกจากนี้ ประโยชน์ของบัตรกดเงินสด ยังสามารถกดเงินได้โดยตรงที่ตู้ ATM ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ตามที่สถาบันการเงินนั้นได้ทำการอนุมัติวงเงินไว้ของแต่ละบุคคล ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่ต้องการเงินสดแบบเร่งด่วน โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปยืมใครให้ลำบากใจ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของการกดเงินครั้งนั้น จะเริ่มคิดในทันทีที่กดออกมาใช้งาน โดยที่สถาบันการเงินจะแจ้งรายการเบิกเงิน และจำนวนเงินชำระขั้นต่ำที่จะต้องจ่ายให้ โดยที่เจ้าของบัตรสามารถเลือกได้ว่า จะจ่ายแค่ขั้นต่ำที่ทางสถาบันการเงินกำหนดมาหรือไม่ หรือจะจ่ายทั้งหมดตามที่ได้กดเงินออกไปก็สามารถทำได้
เมื่อเปรียบเทียบกับบัตรเครดิตแล้ว สมัครบัตรกดเงินสด จะเหมาะอย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการเงินสด แม้จะมีดอกเบี้ยที่คิดรายวัน แต่ถ้าเราคืนเงินไวมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเท่านั้น เปรียบเทียบแล้ว จะพบความแตกต่างจากการกดเงินสดจากบัตรเครดิต ที่มักมีดอกเบี้ยสูงกว่า
ดังนั้น การสมัครบัตรกดเงินสดเอาไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน เมื่อเราไม่สามารถรูดบัตรเครดิต ไม่มีเงินก้อนโต และไม่อยากใช้เงินเก็บของตน นี่จึงนับเป็นตัวช่วยที่แสนดี และมีประโยชน์อย่างแน่นอน
สำหรับการสมัครสินเชื่อต่างๆ จะมีทั้งหมด 3 ประเภท เปรียบเทียบแล้ว มีความแตกต่าง คือ
เป็นการอัตราจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด และแบ่งอัตราส่วนหนึ่งของเงินต้น ทำให้ทุกครั้งที่จ่ายชำระหนี้ในแต่ละเดือนก็จะหมดไว เพราะทุกครั้งที่ชำระค่างวด ดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อย ๆ และเงินต้นก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยจะถูกคิดคำนวณเป็นรายวันจากเงินต้นที่เหลือในแต่ละเดือน จากการเปรียบเทียบแล้ว ส่วนมาก จะ ใช้กับ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น
เป็นอัตราที่กำหนดไว้ตายตัว ซึ่งได้ถูกคำนวณให้เท่ากันในแต่ละเดือน และคงอยู่ตลอดอายุสัญญาที่ขอกู้ ส่วนใหญ่ใช้คำนวณสินเชื่อที่ระยะเวลาผ่อนชำระไม่นานมากนัก ซึ่งระยะเวลาในการผ่อนชำระนั้นจะหมดเร็ว เพราะเป็นการคำนวนแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่เริ่มสัญญาแล้วนั่นเอง และถ้าอยากจ่ายยอดให้หมดก่อนกำหนด ดอกก็จะไม่ลดตามลงไป ซึ่งเปรียบเทียบแล้วแตกต่างจากแบบลดต้นลดดอกมาก
จะเปลี่ยนแปลงไปตามประกาศอัตราของสถาบันการเงิน โดยทั่วไปธนาคารจะใช้อัตราเงินกู้ขั้นต่ำอย่าง MLR และ MRR เป็นอัตราอ้างอิง ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลย ถ้าปีไหนถูก ผู้ขอกู้สินเชื่อก็ได้รับอัตราที่ถูกลง แต่ถ้าปีไหนอัตราแพงผู้ขอกู้สินเชื่อก็ต้องจ่ายอัตราแพงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
บัตรกดเงินสด ที่เรากดใช้ในสถานการณ์ เงินด่วน หรือฉุกเฉินนั้น ส่วนมากจะเป็นแบบลดต้นลดดอก หมายความว่า ยิ่งคืนไว จะช่วยลดดอกไปได้มาก คุณสามารถเปรียบเทียบโดยใช้สูตรเหล่านี้ได้ เช่น
คุณใช้บัตรกดเงินสด เพราะต้องการเงินด่วนในวันที่ 1 กันยายน และจ่ายชำระคืนวันที่ 20 กันยายน มีดอกเบี้ยที่อัตรา 28% ต่อปี
มีวันที่ชำระเงิน – วันที่กดเงิน = 20 กันยายน – 1 กันยายน ต้องเสียทั้งหมดเท่ากับ
จำนวนเงินที่กด x 28% / 365 x 20 = 10,000 x 28% / 365 x 20 เมื่อคิดแล้ว คุณจะต้องเสียดอกเบี้ย 153.42 บาท
เมื่อถึงวันที่ 20 กันยายน ต้องชำระคือทั้งหมด คิดได้เป็น เงินที่กด + ดอกเบี้ย = 10,000 + 153.42
หรือก็คือ 10,153.42 บาท
ดังนั้น เคล็ดลับ คือ คุณต้องมั่นใจว่า หาเงินมาคืนทั้งหมดได้ ภายในระยะเวลาไม่นาน และตอนจ่ายเงินคืน ก็ไม่จำเป็นต้องรอใบแจ้งหนี้ เหมาะสำหรับการใช้จ่ายฉุกเฉินจริงๆ
นอกจากนี้ ควรพยายามชำระเงินให้เป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้น เพราะจะไม่คุ้มกับค่าธรรมเนียมการชำระเงิน เช่น การชำระเงินคืน 1,000 บาท ประหยัด 76 สตางค์ต่อวัน แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 15 บาท ถือว่าไม่คุ้มค่าอยู่ดี
ในทางกลับกัน บัตรกดเงินสดไม่เหมาะให้คุณเป็นหนี้เรื้อรัง หรือหนี้กินระยะเวลายาวๆ เพราะอาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตแน่ๆ เหมาะกับการกดใช้งานฉุกเฉิน ต้องการเงินด่วนมากกว่า
หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า บัตรกดเงินสด คงคิดว่านี่เป็นบัตรที่สร้างภาระให้กับตัวเอง มากกว่าที่จะเป็นตัวช่วยทางการเงิน ดังนั้น เรามาเช็กดูกันดีกว่าว่า มี Cash Cardsติดกระเป๋าไว้มันดีอย่างไร หรือมีข้อเสีย และสิทธิประโยชน์แบบไหนบ้าง
มีสิทธิประโยชน์ดีๆแบบนี้ สมัครบัตรกดเงินสด หรือ สินเชื่อเงินสด ก็ดีนะคะ เพราะอย่างน้อย ก็ไม่ทำให้คุณเกิดปัญหาการเงิน หากไม่ใช้ก็ไม่มีหนี้ และเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็สามารถหยิบนำมาใช้ ได้โดยไม่ต้องกังวล
ใครบ้างที่ควรใช้บัตรกดเงินสด
บัตรกดเงินสดและบัตรเครดิต เป็นตัวช่วยทางการเงินที่ดีของคนยุคใหม่ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงกำลังให้ความสนใจกับการทำบัตรกดเงินสด แต่อาจจะกำลังคิดไตร่ตรองอยู่ว่าควรจะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด rabbit finance จึงนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับบัตรกดเงินสดมาบอกกัน เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ มาดูกันว่าบัตรกดเงินสดเหมาะกับผู้ใช้งานแบบใดบ้าง
สำหรับเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีอยู่ในจำนวนเท่าเดิม จึงสามารถใช้งานได้อย่างจำกัด หากเกิดเหตุให้ต้องใช้เงินจำนวนมากในเวลาเร่งด่วน หรือหมุนเงินแต่ละเดือนไม่ทัน การพึ่งพาเงินสำรองจากการทำบัตรกดเงินสด ก็ช่วยแก้ปัญหาได้
คนที่มีอาชีพอิสระหรือทำงานฟรีแลนซ์ จะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนและไม่คงที่ แต่สามารถยื่นเอกสารเพื่อทำบัตรกดเงินสดได้หากจัดการเรื่องหลักฐานการเงินให้ดี ซึ่งบัตรกดเงินสดจะช่วยเรื่องเงินทุนสำรองที่สามารถนำเอาเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นได้
เมื่อมีรายได้ในระดับหนึ่งแล้ว คนเราก็อยากจะทำธุรกิจของตัวเอง แต่การทำธุรกิจก็จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก การมีเงินสำรองเอาไว้ใช้สำหรับหมุนเวียนในระหว่างทำธุรกิจ เงินสำรองจากบัตรกดเงินสด ก็สามารถช่วยคุณได้
ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หลายคนจึงประสบปัญหาทางการเงิน บางคนแก้ปัญหาด้วยการไปกู้เงินนอกระบบมา ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือดอกเบี้ยมหาโหด รวมถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสมัครสินเชื่อบัตรกดเงินสด หรือทำบัตรกดเงินสด เพราะมีเงื่อนไขระบุชัดเจน รวมถึงข้อตกลงที่เป็นธรรม ไม่ต้องแบกรับภาระจากดอกเบี้ยสุดโหดอีกด้วย
สินเชื่อบัตรกดเงินสด คือ ประเภทหนึ่งของสินเชื่อส่วนบุคคล หากผู้ขอกู้ได้รับการอนุมัติ ก็จะมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีทันที และเป็นเงินสดที่พร้อมใช้งาน ไม่ต้องรับเช็คแล้วไปทำเรื่องขึ้นเงินให้ยุ่งยาก ซึ่งคนมักจะสับสนกับบัตรกดเงินสด โดยสินเชื่อบัตรกดเงินสดจะมีวงเงินที่สูงกว่า
อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของ การใช้บัตรกดเงินสด คือเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้เงิน ช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือเรียกว่า เงินฉุกเฉิน เงินนี้คุณจะไม่เสียค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยสูงมากนัก และถึงแม้ว่าผู้ใช้บัตรกดเงินสดจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับบัตรเครดิต ถ้าเลือกบัตรกดเงินสดอย่างฉลาด จะพบว่าบัตรกดเงินสด มีประโยชน์มากเพียงใด
การมีบัตรกดเงินสดอยู่ในมือ อย่าได้คิดว่าเหมือนกับการถือบัตรเอทีเอ็ม เพราะเงินที่อยู่ใน บัตรกดเงินสด ไม่ใช่เงินของคุณค่ะ ระลึกไว้เสมอว่าทุกครั้งที่คุณกดเงินออกมาใน 1 พันบาท คุณจะต้องเสีย ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด ประมาณ 76 สตางค์ต่อวัน ย้ำว่าต่อวัน ดังนั้น หากไม่อยากเป็นหนี้หัวโต กดเงินเท่าที่ต้องใช้จริง และกดใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้นจะเป็นเรื่องที่ดีมาก
บ่อยครั้งปัญหาของคนมีบัตรหลายใบ และใช้รหัสเดียวกัน คือ การกดบัตรผิด ดังนั้น เช็กให้ดีก่อนกด ว่าบัตรที่ถืออยู่ เป็นบัตรที่ต้องการหรือไม่ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการชำระเงินคืนไปฟรีๆ
หากคุณกดเงินจากบัตรกดเงินสดมาแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องรอให้มีใบแจ้งหนี้มาถึงคุณก่อนก็ได้ เพราะบัตรกดเงินสดของคุณจะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ดังนั้น เมื่อมี เงินก้อน สามารถที่จะคืนได้ทันที
การที่คุณเลือกชำระเงินเป็นก้อนใหญ่ๆ จะช่วยให้คุณประหยัดค่าธรรมเนียมในการชำระเงินคืน เว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยู่ใกล้กับสถานที่ชำระเงินโดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
หากคุณเลือกจะชำระเงินผ่านตัวแทน จะต้องใช้ระยะเวลาในการเคลียร์ริ่งประมาณ 3 วันทำการ หากคุณต้องการชำระเงินแบบไม่มียอดคงค้าง จะต้องคำนวณดอกเบี้ยเผื่อไว้ล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นอาจจะมีดอกเบี้ยค้างอยู่ และเมื่อถึงรอบบิลต่อไปดอกเบี้ยดังกล่าว อาจจะกลายเป็นเงินที่มากกว่ายอดคงค้างได้
การใช้บัตรกดเงินสด สามารถนำบัตรมากดเงินสดทุกตู้เอทีเอ็มในประเทศไทย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการกด แต่สถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกสูงสุดไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี ซึ่งมาตรฐานเดียวกันหมดทุกสถาบันการเงิน และคิดอัตราดอกเบี้ยจำนวนวันตามที่ใช้จริง
อัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะอยู่ที่ประมาณ 24%-28% ต่อปี ตัวอย่างการคำนวณอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด ถ้าคุณกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มในวันที่ 1 ของเดือน เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ส่วนการคิดดอกเบี้ยนั้น จะคำนวณตั้งแต่วันที่กดเงิน จนถึงวันที่จ่ายชำระเงิน
สมมติว่า คุณกดเงินวันที่ 1 กันยายน และจ่ายชำระคืนวันที่ 20 กันยายน มีดอกเบี้ยที่อัตรา 28% ต่อปี
มีวันที่ชำระเงิน – วันที่กดเงิน = 20 กันยายน – 1 กันยายน ต้องเสียดอกเบี้ยทั้งหมดเท่ากับ
จำนวนเงินที่กด x 28% / 365 x 20 = 10,000 x 28% / 365 x 20 เมื่อคิดแล้ว คุณจะต้องเสียดอกเบี้ย 153.42 บาท
เมื่อถึงวันที่ 20 กันยายน ต้องชำระคือทั้งหมด คิดได้เป็น เงินที่กด + ดอกเบี้ย = 10,000 + 153.42
หรือก็คือ 10,153.42 บาท
ทั้งนี้ถ้าชำระเต็มจำนวนก็จะเสียอัตราดอกเบี้ยที่ไม่แพง แต่ถ้าชำระขั้นต่ำก็จะเสียอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่บัตรเครดิตนั้นจะคำนวณดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไป โดยอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งกำหนดระยะเวลาในการชำระทั้งหมดหรือขั้นต่ำที่ปลอดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 40 – 45 วัน
ตัวอย่าง เมื่อใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าในวันที่ 5 ม.ค. เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท สรุปยอดใช้บัตร วันที่ 25 ของทุกเดือน และกำหนดระยะเวลาชำระไม่เกินวันที่ 8 ก.พ. โดยคิดจากดอกเบี้ยบัตรเครดิต = (ยอดใช้จ่าบบัตรเครดิต x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวัน)/365
หากเจ้าของบัตรเครดิตเลือกที่จะชำระขั้นต่ำในวันที่ 8 ก.พ. (10%) = 2,000 บาท ดอกเบี้ยเงินต้นที่เกิดจะคำนวณ 2 ขั้น รวมกัน
ขั้นที่ 1 วันที่ใช้บัตรเครดิต ถึง วันที่ปิดยอดบัตรเครดิต 5 – 25 ม.ค.
20,000 x 20% x 21 วัน / 365 วัน = 230.14 บาท
ขั้นที่ 2 วันถัดจากวันที่ปิดยอด – วันที่ค้างชำระ 26 ม.ค. – 8 ก.พ.
20,000 x 20% x 14 วัน / 365 วัน = 153.42 บาท
สรุปแล้ว การใช้บัตรกดเงินสด ที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือ ควรมีวินัยในการใช้เงินที่กดมาจากบัตร ทั้งการถอนและการชำระเงิน ควรมีความรอบคอบ อย่าใช้เงินในบัตรเหมือนกับเป็นบัตร ATM ของตัวเอง อีกทั้งเมื่อมีเงินแล้วไม่จำเป็นต้องรอใบเรียกเก็บเงิน ควรรีบนำเงินไปใช้ก่อนได้
สิทธิประโยชน์เมื่อสมัครบัตรกดเงินสด กับ rabbit finance สมัครวันนี้ง่าย ๆ เพียงคลิกกดสมัครออนไลน์เข้ามาที่ rabbit finance บัตรกดเงินสด ช่องทางที่สะดวกรวดเร็วทันใจ ที่คุณจะได้มีดังนี้
Rabbit Finance เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะบัตรกดเงินสด จากแบรนด์ชั้นนำทางการเงินของประเทศไทยให้เลือกสรร แล้วจะเลือกบัตรกดเงินสดแบบไหนให้ตรงใจเรา ลองพิจารณาคัดเลือกได้ดังนี้
บัตรกดเงินสด Citi Ready Credit สิทธิประโยชน์มีมากมายเช่น
บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus สิทธิประโยชน์มีมากมายเช่น
บัตรกดเงินสด KTC PROUD สิทธิประโยชน์มีมากมายเช่น
เตรียมตัวสมัครบัตรกดเงินสด
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจนสามารถตัดสินใจได้แล้วว่าจะสมัครบัตรกดเงินสดที่ไหนดี ขั้นตอนต่อมาคือการเตรียมตัวเพื่อยื่นเอกสารสมัครบัตรกดเงินสด ถ้าพิจารณาคุณสมบัติในเบื้องต้นว่าตรงตามที่ทางสถาบันการเงินระบุ ถัดมาก็คือการจัดเตรียมเอกสาร ซึ่งทาง rabbit finance ได้นำเอาข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครบัตรกดเงินสดมาแบ่งปัน เพื่อให้คุณสามารถสมัครบัตรกดเงินสดที่อนุมัติง่าย ได้บัตรมาใช้งานได้เร็วทันใจ
เอกสารประกอบการสมัครมีดังต่อไปนี้
บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ / ข้าราชการ
ทำอาชีพอิสระ / เจ้าของกิจการ
ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย (ทำงาน / ทำธุรกิจ)
ถ้าจัดเตรียมเอกสารสำหรับการสมัครบัตรกดเงินสดเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเช็คข้อมูลและโปรโมชั่นดูอีกทีว่าบัตรกดเงินสดธนาคารไหนดี มีโปรโมชั่นเด็ดๆ ใหม่ๆ อะไรบ้าง จะได้ไม่พลาด